หนังล้อเลียนไม่มีวันตาย จริงหรือ

หนังล้อเลียนไม่มีวันตาย จริงหรือ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การกลับมาของหนังล้อเลียนอย่าง Vampires Suck ที่เปิดตัวในอันดับ 2 บนบ็อกซ์ออฟฟิศ ด้วยตัวเลข 12 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าหนังประเภทนี้ไม่มีวันตายจริง ๆ ไม่ว่าจะสร้างกันออกมาอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังมีคนเสียเงินเข้าไปดูอยู่ดี และไม่ใช่มีแต่คนไทยเสียเมื่อไหร่ที่ชอบหนังตลก ซึ่งถ้าจะว่าไปก็ค่อนข้างไร้สาระ และห่วยสุดกู่กว่าหนังตลกไทยหลายเรื่องเสียอีก แต่ก็มีบางคนที่มองว่าหนังประเภทนี้คุณภาพกำลังตกต่ำ (จากที่ต่ำอยู่แล้ว) เพราะนอกจากจะหยิบเอาหนังเรื่องอื่น หรือบุคคลดัง ๆ มาล้อเลียน อย่างอื่นก็แทบไม่มีอะไรให้พูดถึงเลย "หนังล้อเลียนในปัจจุบันแทบไม่มีความสร้างสรรค์หลงเหลืออยู่แล้ว" เครก มาซิน ผู้ที่เคยเขียนบทหนังล้อเลียนอย่าง Scary Movie 3-4 และ Superhero Movie ให้ความเห็น "ปัญหาของมันคือความห่วย มันต้องการการยกระดับอย่างแรงเลยล่ะ" เนื้อหาของ Vampires Suck คงไม่ต้องบอกว่าล้อเลียนหนังเรื่องไหน เพราะหนังแวมไพร์ที่กำลังโด่งดังในยุคนี้คงหนีไม่พ้น Twilight และยังมีหนังแวมไพร์เรื่องอื่น ๆ ที่เกลื่อนตลาดอยู่ทุกวันนี้ โดยหนังเป็นฝีมือการกำกับของ เจสัน ฟรีดเบิร์ก และ แอรอน เซลท์เซอร์ ที่คงหากินกับหนังแนวอื่นไม่เป็นแล้ว ด้วยผลงานในอดีตอย่าง Date Movie, Epic Movie, Meet the Spartans และ Disaster Movie ซึ่งแต่ละเรื่องก็แทบไม่ต้องมีเส้นเรื่องอะไรมากมาย นอกจากจับนู่นจับนี่มายำกันให้มั่วไปหมด โดยเน้นจากกระแสที่กำลังแรงอยู่ในขณะนั้น เพื่อดึงดูดให้วัยรุ่นแห่เข้ามาดูในสัปดาห์แรก ๆ ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้สตูดิโอยังคงอนุมัติให้สร้างหนังประเภทนี้ออกมาเรื่อย ๆ เพราะมันไม่ได้ใช้ทุนสร้างสูง และมีโอกาสทำเงินเกือบทุกเรื่อง ส่งผลให้หนังแนวนี้คุณภาพตกต่ำลงทุกวัน ต่างจากสมัยก่อนที่มีหนังล้อเลียนระดับคุณภาพมากมาย จากฝีมือของผู้กำกับอย่าง เมล บรูคส์, 3 ประสาน เดวิด ซักเกอร์, จิม อับราฮัมส์, เจอร์รี่ ซักเกอร์ และ พี่น้องตระกูล เวย์นส์ ตอนที่ Scary Movie ของ คีแนน ไอวอรี่ เวย์นส์ กวาดรายได้ไปถล่มทลายถึง 278 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ด้วยทุนสร้างเพียง 20 ล้านดอลลาร์ ทำให้มีคนอยากทำหนังประเภทนี้กันมากขึ้น เพราะอย่างมากก็ใช้ทุนสร้างไม่เกิน 15 ถึง 30 ล้านดอลลาร์ จึงไม่ต้องเสี่ยงมากนัก แม้รายได้ส่วนมากจะมาจากคนดูในอเมริกาที่เข้าใจมุกตลกในหนังมากกว่าคนต่างประเทศ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัย Hot Shot! มาถึง Meet the Spartans ที่รายได้ในประเทศจะสูงกว่ารายได้จากนอกประเทศ มาซินมองว่าการที่หนังประเภทนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จ เพราะมีกุญแจสำคัญ 2 ประการคือ มันเป็นหนังตลกโฉ่งฉ่าง ซึ่งทำให้เข้าถึงได้ง่าย แม้คนดูบางประเทศจะเข้าถึงมุกไม่ครบทุกเม็ด ทำให้หนังตลกล้อเลียนยังคงได้ทุนสร้างจากสตูดิโอ และประการต่อมาคือมันใช้ทุนสร้างต่ำ ซึ่งมาซินบอกว่า "ยิ่งถูกยิ่งดี" "จุดประสงค์หลักของหนังประเภทนี้คือมันล้อเลียนฮอลลีวูด ทำให้มองได้อีกอย่างหนึ่งว่า ยิ่งทำออกมาดูห่วยเท่าไหร่ ยิ่งตลกมากขึ้นเท่านั้น" มาซินกล่าว ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของหนังตลกล้อเลียนก็คือกลุ่มวัยรุ่น ที่มักจะไม่สนว่าหนังต้องมีดาราใหญ่ โดยเฉพาะกับหนังแบบนี้ และความยาวของหนังก็ไม่ควรจะยาวอะไรมากมาย แค่ประมาณ 80 ถึง 90 นาทีเท่านั้น ในกรณีของ Vampires Suck นั้นยาวเพียง 77 นาที และขุมทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของหนังล้อเลียนก็คงหนีไม่พ้นตลาดดีวีดีนั่นเอง เพราะคงไม่มีใครคิดว่าหนังแบบนี้ต้องไปดูในโรงเท่านั้น ด้วยเนื้อหาที่หาสาระไม่เจอ และดูซ้ำได้ง่ายถ้าเป็นดีวีดี "คุณไม่จำเป็นต้องดูหนังล้อเลียนพรรค์นี้บนจอใหญ่หรอก" มาซินชี้ให้เห็นว่าทำไมหนังประเภทนี้ถึงอยู่ยงคงกระพันตลอดมาและน่าจะตลอดไป ไม่ว่าคนดูส่วนใหญ่จะยี้ใส่สักแค่ไหน แต่มันก็เป็นความบันเทิงที่สัมผัสได้ง่าย และมีหนังล้อเลียนเพียงไม่กี่เรื่องที่ถือว่าล้มเหลวเพราะขาดทุน "มันไม่ใช่หนังอย่าง Avatar คุณจะดูมันบน iPod ก็ยังได้ และมันก็ยังตลกเหมือนเดิม ซึ่งถ้าจะให้พูดกันชัด ๆ ก็คือมันเป็นความบันเทิงที่ไม่มีวันตาย เพราะมันเข้าถึงได้ทุกหนทุกแห่ง"

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ หนังล้อเลียนไม่มีวันตาย จริงหรือ

หนังล้อเลียนไม่มีวันตาย จริงหรือ
หนังล้อเลียนไม่มีวันตาย จริงหรือ
หนังล้อเลียนไม่มีวันตาย จริงหรือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook