บอมบ์มุมไบ! มาแล้วจ้า

ขนาดฮอลลีวูดเขายังต้องรอนานกว่า 5 ปี ถึงจะกล้าสร้างหนังอย่าง United 93 หรือ World Trade Center ที่เกี่ยวข้องกับเหตุวินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรด เซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 เพราะเกรงว่าจะไปกระทบกระเทือนจิตใจญาติผู้เสียชีวิตหรือประชาชนทั้งประเทศ แต่พี่บอลลีวูดบอกว่าจะรอนานไปทำไมกัน เพราะตอนนี้เขาประกาศสร้างหนังที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดก่อการร้ายในนครมุมไบ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมากันไปเรียบร้อยแล้ว! เหตุก่อการร้ายในนครมุมไบครั้งนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน และยืดเยื้อไปสามวันสามคืน สถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วนครมุมไบถูกโจมตีเละเทะ โดยเฉพาะที่โรงแรมทัชมาฮาล ที่หน่วยคอมมานโดของอินเดียปะทะกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายอย่างดุเดือด โดยหลังจากเหตุการณ์สงบ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดเกือบ 200 คน และบาดเจ็บอีกเกือบ 300 คน ถ้าคุณสงสัยว่าบอลลีวูดใจร้อนเกินไปหรือเปล่า ที่คิดจะสร้างหนังตั้งแต่เหตุการณ์เพิ่งจะสงบลงไปเนี่ยนะ ขอบอกว่าผิดถนัด เพราะเขาเล่นประกาศสร้างตั้งแต่เหตุการณ์ยังไม่สงบเลยครับท่าน! หลังการโจมตีของผู้ก่อการร้ายเริ่มต้นไปไม่นาน มีหนังเกือบ 20 เรื่อง ภายใต้ธีม Terror at the Taj ที่ได้รับการอนุมัติให้สร้างจากสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งอินเดีย โดยเรื่องที่เป็นรูปเป็นร่างมากที่สุดคือ 26/11 at Mumbai Operation ได้รับการอนุมัติในวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งเป็นเวลาที่ทหารทั้งกองทัพของอินเดียยังคงกำลังต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายใน 2 โรงแรมของมุมไบอยู่เลย! ไวเย เวอร์ม่า แห่งบริษัท Salt and Pepper Entertainment ผู้อำนวยการสร้างของหนังเรื่องนี้บอกว่าเขามีบทหนังที่พร้อมจะถ่ายทำได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้แล้ว เราจะนำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่รัฐบาลจะเปิดเผยเสียอีก เขากล่าวอย่างไม่กลัวเสียงครหา แน่นอนว่ามีเสียงที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้น้อยมาก แต่ผู้ทางสร้างก็บ่ยั่น ราม โกปาล เวอร์ม่า ผู้กำกับชื่อดังของบอลลีวูด และลูกชายของเขา เป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่มีโอ่เกิดเหตุในโรงแรมทัชมาฮาล จุดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด พวกเขาต้องการสร้างหนังที่เกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายแบบไม่เกรงใจใครสุดๆ โคมาล นาห์ทา จากนิตยสาร Film Street Journal กล่าวอย่างอารมณ์เสีย พวกเขาเตรียมถูกสับเละจากชาวบ้านได้เลย สาเหตุที่ทำให้มีเสียงไม่เห็นด้วยมากมายนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าบอลลีวูดมักจะสร้างหนังที่ทันเหตุการณ์ปัจจุบันเป็นประจำ แต่ว่าหนังที่สร้างแต่ละเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่มีการเมืองและศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง มักจะถูกสร้างออกมาแบบมีอคติสุดๆ เราเคยสร้างหนังที่เกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายออกมาหลายร้อยเรื่องแล้ว แต่ 90% ในบรรดาหนังเหล่านั้น มันไม่มีความเป็นกลางเลย ผู้กำกับ ปิยุช จฮา กล่าวถึงวงการหนังของประเทศตัวเอง หนังอินเดียส่วนมากไม่เคยนำเสนอเรื่องของชาวมุสลิมเลย เรามองทุกอย่างเป็นเรื่องขาวกับดำเท่านั้น ส่วนหนังเรื่องอื่นๆ ที่มีชื่อเรื่องเรียบร้อยแล้วอย่างเช่น Taj Terror, Birds Point of View of the Taj Terror หรือ 11/26 Operation Taj ล้วนแต่จะตั้งใจนำเสนอภาพเหตุก่อการร้ายทั้งสิ้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่า จะสร้างหนังที่คนเกือบพันล้านทั้งประเทศรู้เรื่องจากข่าวในโทรทัศน์อยู่แล้วทำไม มาเฮช รามานาทัล ประธานของ Reliance Big สตูดิโอใหญ่ของบอลลีวูดกล่าวว่า ข่าวทีวีนำเสนอภาพเหตุการณ์ไปหมดแล้ว ไม่มีใครอยากเห็นในหนังอีกหรอก หนังจึงอาจจะต่างออกไปบ้างสักเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ซูสม่า ชีโรมานี รองประธานสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งอินเดีย ออกมาบอกว่าแม้จะมีหนังหลายเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายกำลังเตรียมการสร้างก็จริงอยู่ แต่พอถึงเวลาอาจจะมีไม่กี่เรื่องที่ได้สร้างจริงๆ พอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มักจะมีผู้สร้างมากมายที่อยากจะบอกเล่าเรื่องราว แต่ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะได้สร้าง เพราะเราต้องตรวจสอบบทหนังก่อน ถ้าตรงไหนมีปัญหาเราก็จะบอกให้พวกเขาแก้ไข ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นเดือนเหมือนกัน แน่นอนว่าผู้ชมในอินเดียอาจจะคุ้นเคยกับหนังประ้องเพลงกันทั้งเรื่อง ขนาดจะยิงกันยังต้องร้องเพลงก่อน แต่หนังเรื่องต่อไปของผู้กำกับ จฮา จะเป็นหนังที่แหกกฎบอลลีวูดโดยสิ้นเชิง คือเรื่อง Sikander เกี่ยวกับเด็กชายชาวแคชเมียร์คนหนึ่ง ที่หลงเข้าไปอยู่กับกลุ่มชาวมุสลิมหัวรุนแรง และได้รับรู้ถึงการฝึกให้เด็กกลายเป็นสมาชิกของกลุ่ม โดยผู้สร้างกล่าวว่า มันจะเป็นหนังที่ตีแผ่เรื่องราวให้ชาวโลกได้รับรู้ ซึ่งหนังที่เกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายในมุมไบหลายเรื่องก็อาจจะยึดแนวทางเช่นนี้ นีราจ ปานเดย์ หนึ่งในผู้กำกับที่มีแผนจะสร้างหนังที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้กล่าวว่า มันจะยาวแค่ 100 นาที และไม่มีการร้องเพลงแน่นอน เนื้อหาจะจริงจังสุดๆ แต่ยังไม่แน่ว่าหนังจะใช้ภาษาฮินดูเป็นหลักหรือไม่ ส่วน บี ซับฮาช ผู้อำนวยการสร้างและเขียนบทของหนังเรื่อง Birds Point of View of the Taj Terror บอกว่า หนังของเขาจะเน้นไปที่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ นกเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ และผมต้องการนำเสนอในมุมมองที่บริสุทธิ์ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องสะเทือนขวัญก็ตาม เขากล่าว เราจะเขียนบทให้เสร็จโดยเร็ว และมันต้องออกฉายได้ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ใจร้อนกันจริงเลยนะ ดูบ้านเราสิ ยังไม่เห็นมีใครกล้าสร้างหนังการเมืองเลยสักเรื่อง..

เนื้อหาสนับสนุนจาก