วิจารณ์หนัง วงษ์คำเหลา

วิจารณ์หนัง วงษ์คำเหลา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผมเคยตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่เขียนบทความที่เกี่ยวกับ “หนังตลก” อีก เพราะรู้สึกว่าหนังตลกบ้านเราซ้ำซากจำเจยังไงบอกไม่ถูก มุขตลกก็เล่นซ้ำไปซ้ำมา บางเรื่องถึงกับมีคำหยาบคายเต็มจอไปหมด แต่ในความเป็นจริงผมกลับปฏิเสธไม่ได้ว่า หนังตลกนี่แหละเป็นหนังประเภททำเงินระดับต้นๆ ของไทยเราเลยทีเดียว ไม่ว่าหนังตลกจะออกมาสักกี่เรื่องๆ ก็สามารถทำเงินเป็นกอบเป็นกำให้กับผู้สร้างได้ทุกครั้งไป แม้บางเรื่องที่คนดูออกมาจากโรงแล้วบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่า “เสียดายเงินสุดๆ” ก็ยังไม่สามารถทำให้หนังเรื่องนั้นขาดทุนได้เลย หนังตลกบางเรื่องก็ขาดสาระสินดี แต่ “หนังตลก” ก็คือ “หนังตลก” ครับ ไม่เอาสาระ (ถ้ามีก็ดี ถ้าไม่มีก็ไม่ถือว่าเสียหาย) จนมีบางคนบอกว่าถ้าอยากดูหนังมีสาระ ให้ไปดู “หนังสารคดี” ไป ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังไทยที่เข้าฉายมีอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน ดูจากโปรแกรมการฉายแล้ว หนังตลกเรื่องนี้มีรอบฉายที่มากกว่าอีกเรื่องถึงเท่าตัวเลยทีเดียว เพราะว่าอีกเรื่องนึงได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับ “หนังอาร์ต” ก็เลยไม่แน่ใจว่าถ้าเลือกดูเรื่องนั้นแล้วจะเข้าใจในตัวหนังหรือเปล่า ผมจึงจำใจต้องเลือกดูหนังตลกแทน และเรื่องตลกที่ผมเลือกดูก็คือ วงษ์คำเหลา วันที่ผมไปดูนั้นเป็นวันที่ 5 ของการฉายหนังเรื่องนี้แล้ว แต่คนยังตีตั๋วเข้ามาดูเต็มโรงไปหมด (หนังไทยเราจะวัดจากการฉาย 4 วันแรก ถ้า 4 วันแรกหนังไปได้ดี คนดูเยอะ คนพูดถึงเยอะ แสดงว่าหนังเรื่องนั้นสอบผ่าน) ทั้งลูกเล็กเด็กแดง บ้างก็ยกโขยงมาดูกันทั้งครอบครัวเลยทีเดียว ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว ที่เป็นหนังเกี่ยวกับเรื่องภัยธรรมชาติ ที่ผู้กำกับเขาประกาศไว้ว่า เขาลงทุนไปถึง 160 ล้านบาท แต่การฉาย 4 วันแรก เก็บเงินค่าดูมาได้แค่ 2 ล้านบาทเอง ทำให้ผู้กำกับท่านนั้นถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลเลยทีเดียว แต่กับหนังเรื่อง วงษ์คำเหล่า ที่ผมกำลังจะได้ดูอยู่นี้ ผมว่าลงทุนไม่ถึง 100 ล้านด้วยซ้ำ สำหรับ 4 วันแรกก็คงไม่ต้องพูดถึง เพราะผมดูวันที่ 5 คนก็ยังแน่นโรงอยู่ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าหนังตลกเป็นหนังที่ทำรายได้ระดับต้นๆได้อย่างไร บอกตามตรงเลยว่า หลังจากดูหนังเรื่องนี้แล้ว ก็อย่างที่บอก หนังหาสาระไม่ได้จริงๆ เรียกว่าไม่มีเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นประเด็นหลักที่ต้องการ เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้อยู่ที่มุขการแสดงมากกว่า มุขใหม่ๆ เยอะดี แม้ว่าจะมีมุขเก่าๆ อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อย ในส่วนของความตลกจริงๆ แล้วก็อยู่ในหนังตัวอย่างซะหมดแล้ว เพราะว่าที่เหลือจากที่ดูหนังตัวอย่าง ก็แค่ดูแล้วอมยิ้มเท่านั้น ไม่ถึงกับต้องหัวเราะก๊ากออกมา แต่ผมขอชมเชยที่สามารถเอาสิ่งใกล้ตัวมาเล่นเป็นมุขขำๆ ได้ อย่างเช่น ตอนหญิงใหญ่เดินรอบบันได (เดินทำไม แต่ก็ขำดี) หรือมุขตอนที่คุณอาภาพร ขึ้นประตูรถจากอีกทางหนึ่งไปออกอีกทางหนึ่ง ก็สร้างเสียงฮาได้พอสมควร ผมเข้าใจแล้วว่า ตลกอย่างคุณหม่ำแม้แต่ฉากเอามือเกาก้นธรรมดาๆ คนก็ยังฮากันเลย เก่งจริงๆ ทางด้านการแสดง ในบทของ จูเนียร์ (เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง) ดูยังไงๆ ก็เหมือนเลียนแบบ อ่าง เถิดเทิง มายังไงยังงั้นเลย เรียกว่าเหมือนมากด้วย ทั้งท่าทางและการพูด ถ้าเอาอ่างมาเล่นจริงๆ น่าจะตลกกว่า (แต่อ่างคงหน้าแก่เกินไปกับบทของจูเนียร์) ส่วนบทของ “หญิงนุช” (ตุ๊กกี้ ชิงร้อยฯ) ดูยังไงก็เลียนแบบคาแร็คเตอร์ของ โอปอ (ปาณีสรา พิมพ์ปรุ) มาชัดๆ นี่ถ้าบทนี้ให้โอปอเล่นน่าจะกระแดะกว่านี้ฮากว่านี้นะ แต่คุณตุ๊กกี้ก็เล่นบทนี้ได้ดีครับแต่เสียดายออกฉากน้อยไปหน่อย ไม่เหมือนตอนโปรโมทเลย ตอนโปรโมทเห็นแต่คุณตุ๊กกี้ บทของคุณชายเป้า (แจ้ง-อนุวัฒน์ หาระพันธุ์) ก็เป็นเอกลักษณ์ดีมากครับ แสดงได้ซกมกดีเช่นกัน ในบทของหญิงเล็กพราวแพรว (ฮาย-อาภาพร นครสวรรค์) ขอบอกว่าเธอเล่นได้ตอ..มาก สมควรแล้วที่โดนต...ไปสองที เธอสรรหาคำด่า (ที่ไม่หยาบแต่ฟังดูแล้วหยาบ) ได้มากจริงๆ ไม่รู้ว่าไปสรรหาคำเหล่านี้มาจากไหน อีกอย่างหนึ่ง “หน้าอก” ครับ เวลาเธอออกฉากทีไร ดูแล้วหน้าอกจะนำมาก่อนเสมอมันดึงสายตายังไงไม่รู้ ส่วนคู่กัดของเธอน่าจะเป็นนายเขื่อง (เดฟ ดวงดี) คนนี้ก็เล่นได้ฮากระจายดีครับ เรื่องนี้คำหยาบไม่ค่อยจะมี (ถ้าไม่คิดว่าคำที่หญิงเล็กพราวแพรวด่าเขื่องเป็นคำหยาบ เช่น ไอ้หม้อน้ำ ไอ้เคราแพะ ไอ้...ฯลฯ) มีแต่คำทะลึ่ง เช่น ตอนที่คุณชายเป้าบอกว่า “พี่เอาหูหนีก่อน” แล้วก็เน้นคำว่า “หูหนี” ตั้งหลายครั้ง จริงๆ แล้วมันคือคำผวนดีๆนี้เอง กับตาเขื่องที่พูกคำว่า ชัก...(เขียนต่อไม่ได้)นั่นแหละ

ส่วนตัวเด่นของเรื่องอย่าง พิรมน (จั๊กจั่น - อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) และคุณชายเพชราวุธ (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ก็สามารถชวนให้ติดตามเนือเรื่องเป็นอย่างดี แต่เนื้อเรื่องก็เดาง่ายไปหน่อย ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก อย่างคุณหม่ำเรื่องนี้ ออกตลกน้อยมาก แต่ตอนตลกก็ฮากระจายหลายครั้ง จะดูดีก็ตอนที่คุณหม่ำเล่นเปียโนเพลง “เฝ้าคอยเฝ้าหวัง” นั้นแหละ ไม่คิดว่าคุณหมำสามารถประยุกต์เครื่องเล่นเพลงคลาสสิคอย่างเปียโนให้ออกมาเป็นเพลงลูกทุ่งได้อย่างน่าฟังได้เช่นนี้ ทั้งๆ ที่ในตัวหนังให้บรรยากาศแบบดูบ้านทรายทองเลยนะ เรื่องนี้คุณจั๊กจั่นเธอดูสวยจริงๆ ที่บอกตอนท้ายว่า เหมือน “หงษ์กับเห็บหมา” หรือ “นางฟ้ากับคางคก” อันนี้ผมเห็นด้วยพันเปอร์เซ็นต์ สำหรับคนที่ชอบหนังตลกก็คงไม่พลาดเรื่องนี้อยู่แล้ว ยิ่งเป็นแฟนคลับของคุณหม่ำด้วยแล้วยิ่งไม่น่าพลาดใหญ่ ผมว่าเพราะคุณหม่ำมักทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ เขาทำกัน การงานจึงสำเร็จซะเป็นส่วนมาก แถมยังเป็นตลกแถวหน้าตัวจริงของไทยเราอีกด้วย ในส่วนตัวผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ ดูแล้วสบายๆ นะครับ ไม่เครียด เหมาะสำหรับดูทั้งครอบครัว ในเรื่องความตลก ผมให้ 7 เต็ม 10 เลยครับ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ชอบคุณหม่ำเหมือนกัน ไม่ว่าคุณหม่ำจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็ไม่ชอบไปซะหมด เพียงเพราะว่ามีคุณหม่ำอยู่ด้วยนั่นเอง เหมือนเพื่อนที่ทำงานข้างๆ โต๊ะผม เพื่อน : เมื่อวานไปดูหนับเรื่อง “วงษ์คำเหลา” มาว่ะ TCK : เป็นยังไงบ้าง? (ผมไปดูมาแล้วแต่อยากถามแค่ความคิดเห็นของเขา) เพื่อน : สุดยอดว่ะ ดูแล้วน้ำตาแทบไหล TCK : (ยิ้มมุมปากเล็กๆ) เหรอ หัวเราะจนน้ำตาไหลเชียวเหรอ (ผมคิดไปอย่างนั้นจริงๆ) เพื่อน : เปล่า เสียดายตังค์ เอาเงินตูคืนมา...!!

บทวิจารณ์โดย TCK E-mail :TCK05@sanookcom

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง วงษ์คำเหลา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook