วิจารณ์หนัง แต๋วเตะตีนระเบิด

วิจารณ์หนัง แต๋วเตะตีนระเบิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มันเป็นการโชคดีของผมอย่างหนึ่ง ที่ผมทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วก่อนเข้าไปชมภาพยนตร์เรื่อง แต๋วเตะตีนระเบิด เรื่องนี้ หนัง "ตลก" ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังสร้างของคุณ พจน์ อานนท์ แมวมองอันดับต้นๆของเมืองไทย เมื่อพูดถึงหนังสร้างของคุณพจน์ อานนท์ ผมไม่ค่อยอยากจะบอกเลย (กลัวจะรู้ว่าผมแก่แล้ว) ว่าผมติดตามงานของคุณพจน์มาตั้งแต่สมัยคุณพจน์ยังทำหนังสือ "เธอกับฉัน" อยู่ จนได้มากำกับภาพยนตร์เรื่องแรก "สติแตกสุดขั้วโลก" ตอนนั้นก็ดูสนุกดีไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วก็ติดตามงานกำกับภาพยนตร์ของคุณพจน์มาเกือบทุกเรื่อง(แต๋วเตะตีนระเบิดน่าจะเป็นเรื่องที่11 แล้ว) ยกเว้นเรื่อง "เพื่อน..กูรักมึงว่ะ" (เรื่องนี้ไม่ได้ดู) กับเรื่อง "ว๊ายบึ้ม เชียร์กระหึ่มโลก" เรื่องนี้ทำเป็นหนังแผ่น สาเหตุของการไม่ได้ดูผมคงไม่ต้องบอกนะครับ แต่เรื่องที่ทำให้ผมเสียอารมณ์มากที่สุดในงานของคุณพจน์ก็เห็นจะเป็นเรื่อง ไฉไล เพราะตั้งแต่หนังเรื่องนี้นี่เอง ผมก็ปฏิญาณไว้ว่า ถ้ามีผลงานของคุณพจน์เรื่องต่อๆ ไป ถ้าผมจะดูผมต้องทำใจไว้ก่อน อย่างน้อยๆ ก็ 50/50 หรือไม่ ก็70/30 เลย นั่นคือที่มาของย่อหน้าแรกที่ผมเกริ่นเอาไว้ แต่การทำใจของผมในครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นผลดีอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่ามันจะดี มันกลับทำให้ผมหัวเราะได้ในหลายๆ ฉากของหนังเรื่องนี้ ปกติคุณพจน์ก็จะทำแต่หนังตลกอยู่แล้ว แต่จะหนักไปทางตลกของเพศที่ 3 มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง หอแต๋วแตก หรือ ปล้นนะยะ หรือ จะเป็นเรื่อง ว๊ายบึ้มเชียร์กระหึ่มโลก จึงไม่แปลกที่หนังตลกๆ แนวเพศที่ 3 จะเป็นงานที่ถนัดของคุณพจน์ อานนท์ เพียงแต่ว่าเรื่อง "แต๋วเตะตีนระเบิด" นี้ เปลี่ยนจากแต๋วรุ่นใหญ่ มาเป็นแต๋วรุ่นเล็กก็แค่นั้นเอง ตอนที่ผมได้ดูตัวอย่างของหนังเรื่องนี้ ผมเข้าใจไปเองว่าน่าจะคล้ายเรื่อง "นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่" แบบว่าทีมฟุตบอลแต๋วที่ดูเก้งก้างเล่นฟุตบอลกันไม่ค่อยจะเป็นกันเลย สามารถเล่นผ่านไปจนเจอทีมเก่ง (ที่สุด) และต่อสู้กันในเกมของฟุตบอลกันแบบลูกพิสดารอะไรประมาณนั้น แต่ก็อย่างที่ว่า หนังของคุณพจน์ผมต้องทำใจก่อนเข้าไปดู อะไรที่เราเดาไว้หรือหวังไว้อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด มีอยู่ฉากถึงสองฉากที่ดูจากตัวอย่างหนังแล้ว ทำให้คิดไปเองว่าเป็นหนังประเภท ชายรักชาย หรือ หญิงรักหญิง อีกแล้ว เพราะว่าในตัวอย่างหนังมีฉากที่ผู้ชายกับผู้ชายนอนคว่ำหน้าหากัน แล้วก็มีฉากที่มีน้องผู้หญิงสองคนประกบปากกันด้วยความดูดดื่ม จึงเข้าใจว่าเป็นหนังประเภทนั้น แต่พอไปดู 2 ฉากที่ว่านี้ กลับเป็นฉากหลอกจริงๆ โดนคุณพจน์วางหมากไว้ เพราะว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมหรือหลายๆ คนคิดไว้เลย มีอีกหลายฉากเลยทีเดียวที่โดนตัดไป อย่างเช่นสามสาว(เทียม)ที่ไปเข้าห้องน้ำตอนเข้าไปสืบในโรงเรียนของทีมฟุตบอลฝายตรงข้าม แล้วไปเจอผู้ชายล่อนจ้อนในห้องน้ำชาย, และฉากต่อเนื่องกันที่พวกสาวๆ(เทียว)ที่แอบเข้าไปหาข่าวไปเจอกับภาพหนุ่มๆในชุดว่ายน้ำแบบลานตาเลยทีเดียว ที่ตัดออกไปผมก็ว่าดีแล้ว ไม่อย่างนั้นหนังจะส่อมากเกินไป... ถ้าถามว่าดูหนังเรื่องนี้แล้ว ตลกไหม? ผมก็ว่าตลกในระดับหนึ่งนะครับ แต่สามารถดูได้แค่รอบเดียว เพราะว่าถ้าดูอีกรอบจะรู้มุขแล้ว จะไม่ตลกแล้ว และอีกอย่างฉากตลกๆ ที่มีอยู่ในหนัง ก็ถูกนำมาเป็นหนังตัวอย่างเกือบหมดแล้ว จึงรู้มุขกันดี ส่วนในเรื่องของเพลงประกอบใช้ได้เลยทีเดียวเพราะดีโดยเฉพาะเพลงสุดท้ายที่มีรายชื่อนักแสดงขึ้นมา เรื่องของการถ่ายภาพ ทีมงานของคุณพจน์จะมีการถ่ายภาพออกมาในมุมที่สวยๆ อยู่หลายมุมอยู่แล้ว แต่มีอยู่ฉากหนึ่ง ตอนที่ อั๋น เจต และ มายด์ ยืนคุยกัน แล้วฉากหมุนไปรอบๆ นั้นน่ะ ขอบอกว่า เวียนหัวมาก แล้วก็ได้ยินหลายๆ เสียงที่นั่งดูบ่นว่าเวียนหัวเช่นเดียวกัน แล้วมีอยู่หลายฉากเลยทีเดียวที่เกี่ยวกับการเตะบอล บางฉากเหมือนจงใจเกินไปไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ อย่างเช่น ฉากเตะบอลเข้าโกล (บางฉาก) บอลเข้าไปตั้งนานแล้ว ประตูถึงจะแกล้งมากระโดดรับ หรือฉากตอนที่มีการทำฟาวล์กันเช่น เอาขายื่นไปด้านหน้า แล้วก็มีคนกระโดดม้วนตัวข้ามไป เซตฉากเห็นๆ ดูแล้วไม่เหมือนเตะบอลกันแบบธรรมชาติครับ... แต่ก็เข้าใจว่าเป็นหนังตลกก็เลยต้องมองข้ามจุดตรงนี้ไป และอีกฉากที่เห็นๆ กับฉากแข่งบอลตอนสุดท้าย กราฟฟิคคนดูบนอัฒจันทร์ เป็นเหลี่ยมหมดเลย แข็งกระโดก.... แต่เอาน่า...หนังตลกๆ ฉากที่ขัดใจนิดหน่อยก็เห็นจะเป็นเรื่องของ แม่ของน้องไอซ์ ที่กลัวว่าลูกตัวเองจะเป็นแต๋วแบบว่ารับไม่ได้ แต่คนรับใช้ที่บ้านกลับเป็นแต๋ว ผมว่าถ้าเป็นเรื่องจริงคนที่กลัวลูกชายจะเป็นแต๋วจะไม่ยอมให้มีแต๋วอยู่ในบ้านแน่นอนครับ ฉากจบ ผมว่ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น่าจะให้มีฉากแบบลูกเตะพิสดาร หรือว่ามีท่าไม้ตายของพวกนักเตะแต๋วที่แบบโอเวอร์ๆ หน่อย ก่อนที่จะสรุปผลในขั้นตอนสุดท้าย น่าจะทำให้หนังดูสนุกกว่านี้ครับ ในเรื่องของการแสดง นักแสดงทุกคนแสดงได้ดี ยกเว้นน้องๆ นักแสดงหน้าใหม่ ที่ยังเล่นแข็งๆกันอยู่นะครับ แข็งมากแข็งน้อยนั้นก็แล้วแต่ละคนไป อย่างเช่นน้องที่เล่นเป็นภู (ภูตะวัน เตชชาติวนิช) ในฉากที่ เชอร์รี่ บอกว่าไม่เคยรักภูเลย สีหน้าของน้องไม่ได้แสดงอาการแบบเสียใจอย่างสุดซึ้งเลยนะ แข็งมาก แต่ฉากที่เดินร้องไห้ถึงดูดีขึ้นมาหน่อย ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ที่มีบทเด่นๆ อย่าง น้องไอซ์ (วราภัทร์ เพชรสถิตย์), น้องเจต (เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์), อั๋น (พีรวิชญ์ บุญนาค), น้องเชอร์รี่ (ชาวดี เชอร์ม๊อค) และน้อง มายด์ (ณภศศิ สุรวรรณ) ก็เล่นได้ดีประมาณหนึ่ง ส่วนในกลุ่มแต๋ว น้องเจสติกา (ธีรินทร์ ฉวีวัฒน์) น้องที่ตัวดำๆ เล่นได้ฮาดี น้องลิง (ศุภกร ทิมหอม) น้องคนนี้ปากกว้างมากเป็นความสามารถเฉพาะตัว ดูแล้วเหมือนน้องทรายในอนาคต แต่ก็เล่นเป็นธรรมชาติดี น้องแม็ค (อานันท์ ธนมิตต์/ แต๋วตัวสูงๆ ใส่แว่น) เสียงร้องน้องแสบแก้วหูดี และน้องอ๊อฟ (อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์) แต๋วอ้วนโอเวอร์ๆ น้องอ๊อฟนั้นถือว่ามีการพัฒนาการแสดงได้ดีครับ จากเด็กลูกเจ้าของโรงน้ำแข็งในเรื่อง แฟนฉัน มาเป็นเณรน้อยในเรื่อง มากับพระ ฝีมือการแสดงถูกพัฒนาขึ้นมาเห็นๆ ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ถ้าไม่มีคงไม่ฮาแน่ๆ เริ่มจาก คุณตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน (สุดารัตน์ บุตรพรม)เธอเล่นเรื่องนี้ได้ฮามาก ในบทของครูฟ้าใส ฮากว่าในเรื่อง ว้อ..หมาบ้า ที่เธอเคยเล่นไว้ก่อนหน้านี่เสียอีก ส่วนอีกคนเห็นหน้าก็ฮาแล้ว สายสิน วงษ์คำเหลา ในบทครูจิ๋ม เพราะคนๆ นี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนแต๋ว อีกคน ครูลีนา (ลีนา จังจรรจา) เล่นได้....มากครับ ตอนแรกก็ดูทะแม่งๆ หน่อย กับตัวอักษรย่อของโรงเรียน ที่เวลาอยู่ใกล้ๆ ก็จะทำให้เบลอ กับอักษรย่อ พ.ธ.ม. (อันนี้จำชื่อโรงเรียนไม่ได้ขออภัย) ที่ปักด้วยตัวอักษรสีแดง กับโรงเรียนคู่แข่ง ที่ปักด้วยตัวอักษรสีน้ำเงินย่อว่า น.ป.ช. (นาคประชา) และในการแข่งขันรอบชิง เปลี่ยนเป็น น.ป.ร ส่วนอีกโรงเรียน เปลี่ยนเป็น พ.ธ.ด. อีกฝ่ายก็ใส่เสื้อเหลือง อีกฝ่ายใส่เสื้อแดง ขอพูดถึงเสื้อเหลืองในหนังนิดนะครับ ชุดอย่างในหนังนี้สามารถใส่ลงแข่งฟุตบอลได้เหรอครับ เหมือนเสื้อคลุมมากกว่า(หมายถึงทึมสีเหลือง) และที่แน่ๆ มันมีซิปด้วย (แต่ก็เอาเถอะหนังตลก...ทำใจๆ) ในตัวหนังเหมือนจะแทรกอะไรบางอย่าง(เกี่ยวกับเรื่องการเมือง)ไว้ในช่วงนี้ เช่น บอกว่ากรรมการโกง (ไม่มีใครเห็น) นักฟุตบอลโกง และในเรื่องยังพูดถึงความสามัคคีกันของคนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงอีกด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจทั้งสองฝ่ายหรือเปล่า.... สรุปแล้วก็อย่างที่ผมว่า การดูหนังตลกควรทำใจไว้ก่อนครึ่งหนึ่ง เพราะเราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าหนังตลกเรื่องนั้นๆ จะทำให้เราหัวเราะได้หรือเปล่า ถ้าเราหวังไว้ว่า มันต้องตลกแบบฮาตกโต๊ะตกเก้าอี้ ฮาจนท้องแข็ง ไส้แข็ง แล้วล่ะก็ พอเข้าไปดูแล้วมันไม่สนุกอย่างที่เราหวังไว้จะทำให้เราเครียดไปเปล่าๆ การที่เราคิดจะดูหนังตลกน่าจะเป็นสิ่งที่เราอยากคลายเครียด ก็ควรทำใจว่างปล่อยใจให้โล่งๆ แล้วจะดูหนังเรื่องนั้นๆ ได้สนุก อย่างที่ผมได้ดูหนังเรื่องนี้ ส่วนคนอื่นจะดูแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ก็เชิญแสดงความคิดเห็นได้ตามใจชอบเลยครับ

วิจารณ์ โดย TCK E-mail : TCK05@sanook.com

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง แต๋วเตะตีนระเบิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook