บทสัมภาษณ์ เบสท์ อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์

บทสัมภาษณ์ เบสท์ อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เบสท์เริ่มเข้าวงการเมื่อไหร่ ตอนนั้น อายุ 16 ครั้งแรก เบสท์ประกวดชนะตำแหน่งสาวผิวน้ำนมของเบบี้มายด์คะ จากนั้นก็เริ่มมีงานเข้ามาเรื่อยๆ คะ มีคนติดต่อไปถ่ายแบบ เล่นมิวสิควิดีโอ ตอนนี้ก็เล่นเอ็มวีเกือบ 20 เพลงแล้วคะ แล้วก็ได้มาเล่นภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม นี่แหละคะ แล้วได้เข้ามาเล่นเรื่องนี้ได้ไง ตอนแรก มีคนติดต่อมา เขาเห็นหนูจากปกนิตยสาร knock knock แล้วก็ติดต่อมาว่าให้มาแคสเรื่องนี้ พี่มะเดี่ยวสนใจ ก็เลยลองมาแคสดู แต่ตอนแคสครั้งแรก เขาให้เล่นเป็นบทหญิง ไปๆมาๆ พี่เขาบอกว่าเราเหมาะกับบทโดนัทมากกว่า ก็เลยเล่นเป็นโดนัท เคยรู้จักพี่มะเดี่ยวมาก่อนไหมจากผลงานก่อนๆ เคยดูเรื่อง 13 เกมสยองคะ ของพี่มะเดี่ยว ดูรอบสื่อมวลชนด้วย เป็นโชคดีมากๆ เลย ตอนแรกเราก็ไปดูรอบสื่อ ก็ไม่คิดว่าจะได้ร่วมงานกับผู้กำกับคนนี้เพราะว่าหนังเค้าทำดีมากๆ ดีใจมากๆ เลยที่ได้ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวคะ คาแรกเตอร์ของโดนัทในเรื่องเป็นยังไง คาแรกเตอร์ของโดนัทก็จะเป็นเด็กผู้หญิง ที่สวย เริด เชิดหยิ่ง คล้ายๆ ดาวโรงเรียนคะ เหมือนเขาก็มีมาดตลอด ต้องวางมาดว่าฉันมีทางเลือก ฉันเลือกได้หลายทาง ผู้ชายทุกคนก็อยากได้เราเป็นแฟน แต่เรากลับเลือกโต้ง ซึ่งในเรื่องโต้งก็ดูเฉยชาแล้วก็ไม่ใส่ใจเราเลย มันทำให้โดนัทรู้สึกว่าโต้งรักเขาจริงรึเปล่า แต่โดนัทยังคงคอนเซ็ปต์ ฉันเชิด ฉันหยิ่ง วางมาดไว้ ไม่เป็นไร ฉันก็หาคนอื่นได้เหมือนกัน แต่ความเป็นจริง เค้าก็รักโต้งนะ รักมากด้วย มุมมองความรัก โดนัทเป็นตัวแทนความรักแบบไหน ถ้าพูดถึงมุมมองความรักของตัวละครในเรื่องนี้คือโดนัท โดนัทก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งนี่แหละ ต้องการความรัก ต้องการให้แฟนรักเราใส่ใจเรา เอาใจเรา แต่ในเรื่อง โต้ง แฟนเราก็ไม่ทำตามใจ มันไม่ได้อย่างใจหลายอย่าง มันก็เลยเกิดเรื่องขึ้นมา ทะเลาะกันบ้าง ตามภาษาวัยรุ่นหนุ่มสาวทั่วไป ซึ่งโดนัทก็เหมือนเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่อยากจะมีแฟน แฟนที่รักเราจริงๆ ยากไหมกับการแสดงอารมณ์ในเรื่อง อารมณ์ในเรื่องมันก็ยากเหมือนกันนะคะ มันจะต้องทำตรงกันข้ามกัน คือปากเรา จะบอกว่าเราไม่รัก แต่ใจเรารัก แววตาเราต้องออกมา มันก็ยากตรงนี้คะ เพราะว่าเขาต้องวางมาด ฉันไม่สนใจ แต่ความเป็นจริง ฉันรักนะ สนใจฉันหน่อย มันก็จะยากนิดหนึ่งตรงแววตาสีหน้าอะคะ เป็นยังไงบ้างกับหนังเรื่องแรก สำหรับหนังเรื่องแรก ตื่นเต้นมากคะ คือเราหวังว่าอยากรู้ feedback ของคนดูมากกว่าว่าเค้ารู้สึกยังไงกับเรา เพราะว่าจากประสบการณ์ที่เบสท์ทำมา ก็จะมี MV ถ่ายแบบ แล้วก็โฆษณาบางอย่าง ซึ่ง feedback กลับมาก็โอเค แต่อยากรู้ว่าถ้าเราเล่นที่เป็นภาพเคลื่อนไหวที่เป็นซีนอารมณ์ชัดเจน คนดูเค้าจะรู้สึกยังไง เค้าจะชอบเราไหม ตื่นเต้นมาก ดีใจมากด้วยที่มีโอกาสได้ทำ ได้เล่นหนัง ความแตกต่างของงานภาพยนตร์กับงานอื่นๆ ที่เคยทำ เบสท์ว่าภาพยนตร์จะมีความละเอียดอ่อนมากกว่า เขาจะต้องการเน้นซีนอารมณ์ทุกอย่าง สีหน้าแววตาชัดเจน อละครมันจะถ่ายง่ายกว่า คือเหมือนเค้ามีกล้องหลายตัว แต่ตัวหนังจะมีกล้องตัวเดียวและเป็นกล้องฟิล์มด้วย คือถ่ายผิดนิดเดียวก็จะเปลืองมากๆ ถ้าถามเบสท์ว่าชอบอะไรมากกว่า จริงๆ แล้วชอบงานทุกอย่างเลยนะ คือทุกอย่างมีความแตกต่างกัน ทุกอย่างมีความน่าสนใจในตัวมันเอง แต่ถ้าต้องเลือกว่าที่เราชอบมากที่สุด ที่มันเหมาะกับเรามากที่สุด ก็คิดว่าชอบการแสดงนี่แหละคะ

เรื่องนี้โลเคชั่นหลักอยู่ที่สยาม การทำงานที่สยามยากง่ายยังไง มีซีนที่ถ่ายกันที่เซ็นเตอร์พอยต์ก็ค่อนข้างวุ่นวาย ตอนนั้นถ่ายก็ค่อนข้างมืดแล้วคะ แล้วก็คนมุงดูเยอะมาก ถ่ายนานมาก ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเราไม่มีสมาธิด้วย คือวันที่ถ่ายเป็นวันก่อนสอบปลายภาคตอน ม.6 คือเราไม่ได้อ่านหนังสือเลย แล้วพรุ่งนี้สอบ อาจจะเครียดด้วย ก็เลยอาจทำให้ผ่านซีนนี้ไปได้ช้า ส่วนตัวมาริโอ้ที่รับบทเป็นโต้ง วันนั้นเค้าก็เขินๆเหมือนกันเพราะคนมุงเยอะจริงๆ centerpoint คนเดินผ่านเยอะมาก ถ่ายๆ อยู่ก็มีคนมาขอถ่ายรูปเต็มไปหมดเลย วันนั้นก็พยายามให้มีสมาธิถูกที่ ตอนนั้นก็พยายามเต็มที่แล้วคะ

รักแห่งสยาม เป็นเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นที่สยาม สำหรับน้องเบสท์แล้ว มีเหตุการณ์ความรัก หรือความทรงจำที่สยามบ้างไหม ถ้าเป็นเกี่ยวกับความรักที่เกิดขึ้นสยามสแควร์ เบสท์ก็เคยมีประสบการณ์ความทรงจำอันหนึ่ง แต่เป็นเรื่องแบบเพื่อนๆ มากกว่า ตอนนั้นอยู่ ป. 5 ก็ไปเรียนพิเศษที่สยาม ก็ได้รู้จักเพื่อนคนหนึ่ง จนถึงทุกวันหนึ่ง ก็ยังคุยกันอยู่ รักกันมากเลย รู้สึกว่ามันเป็นความรักที่ไม่จำเป็นต้องเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว เป็นเพื่อนได้เหมือนกัน ทำงานกับมาริโอ้เป็นยังไงบ้าง มาริโอ้เป็นคนที่พูดน้อยมาก เงียบมาก แต่เค้าน่ารักนะ เวลาเค้าทำงานเค้าตั้งใจทำงานจริงๆ แล้วก็เวลาต่อบทเค้าก็ช่วยเบสท์เต็มที่ เค้าก็จะเล่นให้ ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียวเค้าก็จะส่งอารมณ์ด้วย ทั้งๆ ที่มันถ่ายเฉียดเค้าไปหรือไม่เห็นหน้าเค้าเลย เค้าก็จะช้วยเราเต็มที่ น่ารัก แต่เงียบไปนิดนึง

แล้วได้ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวผู้กำกับเป็นยังไงบ้าง อย่างแรกต้องขอบคุณพี่มะเดี่ยวก่อนเลยคะ ที่เรียกเบสท์มาเล่นเรื่องนี้ ดีใจมากที่มีโอกาสมาร่วมงานกับพี่มะเดี่ยว ประทับใจตั้งแต่เรื่อง 13 เกมสยอง แล้วว่าผู้กำกับคนนี้ทำดีมาก พล็อตเรื่อง ธีมของเรืองดีจริงๆ ชอบ ประทับใจมากๆ แล้วพอได้มาร่วมงานกัน พี่มะเดี่ยวเป็นคนที่น่ารักเป็นกันเอง ไม่ถือตัวด้วย อย่างซีนที่เบสท์เล่นไม่ได้ พี่มะเดี่ยวก็จะบอกเออเล่นอย่างงี้นะ ลองแนะนำเรา ลองทำอย่างงี้ ทำแววตาอย่างงี้คือ คอยสอนเราตลอด คอยแนะนำว่ามากไป น้อยไป แล้วก็ไม่ดุเลย ชอบพี่มะเดี่ยวมาก ดีใจและก็อยากขอบคุณพี่มะเดี่ยวจริงๆ คะ มีฉากไหนที่เราประทับใจที่สุด ในเรื่องส่วนใหญ่ โดนัทจะเหมือนจะโกรธตลอดเวลาทั้งเรื่องเลย ถ้าประทับใจจริงๆ ก็คงจะเป็นตอนที่เดินดูตุ๊กตากับโต้ง เพราะเหมือนเรามาเที่ยวกับแฟน เรามีความสกับแฟน เดินดูของด้วยกัน เราจูงมือเค้า เค้าจูงมือเรา ทุกอย่างมีความสุข แต่ไม่นานหลังจากซีนนั้นก็ทะเลาะกันอีกแล้ว (หัวเราะ) มีอุปสรรคอะไรในการทำงานไหม จริงๆ เป็นเรื่องของเสียงคะ เรื่องของคำพูด พูดไม่ค่อยชัด และก็มีเรื่องสายตา พี่มะเดี่ยวจะว่าเรื่องสายตา เวลาที่ กล้อง Close up คือเราจะไปกังวลกับกล้องที่มันอยู่ใกล้ๆ ตรงเนี่ยะ มันเลยดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าถ่ายกว้าง พี่มะเดี่ยวก็จะบอกเป็นเรื่องตานิดหน่อย แต่เรื่องพูดพี่มะเดี่ยวไม่ติดอะไรคะ แต่รู้สึกว่าตัวเองมีข้อบกพร่องทางจุดนี้เรื่องพูด พูดไม่ชัดและเสียงจะใหญ่เป็นเสียงเด็กผู้ชาย มีแต่คนทักว่าถ้าไม่เห็นหน้านึกว่าเด็กผู้ชายพูด

ประทับใจอะไรมากที่สุด ประทับใจอย่างแรกคือผู้กำกับคะ เพราะว่าพี่มะเดี่ยวเป็นผู้กำกับที่ตั้งใจทำงานมาก และก็เต็มที่กับงาน อยากให้งานออกมาดีที่สุด ต่อมาก็มีทีมงานทุกคนคะ น่ารักมาก และก็เป็นกันเองมากๆ เค้าเห็นเราเหมือนเป็นลูกเป็นหลานเลย คือดูแลอย่างดี และก็ประทับใจเรื่องบท เรื่อง รักแห่งสยาม เบสท์เชื่อว่า ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนจริงๆ คิดว่าเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่ไหน เสน่ห์ของเรื่องนี้อยู่ที่ พล็อตเรื่อง ธีมของเรื่อง มันน่าสนใจตั้งแต่แรกเลย ปกติเราก็มักจะเห็นหนังที่พูดถึงความรักแค่กลุ่มเดียว แต่เรื่องนี้มีความรักของคนหลายกลุ่ม แล้วมาเกี่ยวพัน มาผูกพันกันได้ยังไง คือมันแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าความรักไม่ใช่มีแค่วัยรุ่นหนุ่มสาย แต่ยังมีความรักของครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง และทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถมาเกี่ยวโยงผูกพันกันได้หมดเลย แล้วมันเป็นปมของเรื่องที่น่าสนใจมาก ทุกคนควรจะไปดูเรืองนี้ เพราะว่าเป็นหนังรักที่เชื่อว่าเป็นหนังรักแห่งปีนี้จริงๆ สุดท้ายให้พูดฝากผลงานหน่อย ยังไงฝากติดตามผลงานภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม ด้วยนะคะ เข้าฉายปลายปีนี้แล้ว ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเบสท์ ก็เต็มที่และก็อยากให้ทุกคนชอบกันคะ เบสท์เชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะให้อะไรกับคนดูแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็ต้องหันกลับมาคิดถึงความรักกันมากขึ้น และคนที่เรารัก เราดูแลเขาดีพอรึยัง

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ บทสัมภาษณ์ เบสท์ อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook