เต๋า-สมชาย เข็มกลัด คืนจอแบบไม่มีวันตาย

เต๋า-สมชาย เข็มกลัด คืนจอแบบไม่มีวันตาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เต๋า-สมชาย เข็มกลัด คืนจอแบบไม่มีวันตาย ใน โอปปาติก (โอ-ปะ-ปา-ติ-กะ) เกิดอมตะ กลับคืนจอแบบเต็มตัวอีกครั้งสำหรับพระเอกมาดเข้ม สมชาย เข็มกลัด ที่คราวนี้พลิกบทบาทมาเป็นคาแร็คเตอร์ที่ไม่มีวันตายในภาพยนตร์แอ็คชั่น-แฟนตาซีเรื่อง โอปปาติก (โอ-ปะ-ปา-ติ-กะ) เกิดอมตะ ที่มีคิวเข้าฉาย 23 ตุลาคมนี้ การรับบท จิรัสย์ โอปปาติกที่มีชีวิตอันเป็นนิรันดรของเขา น่าจะเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่แฟนภาพยนตร์จะจดจำได้ไปอีกนาน บทบาท-คาแร็คเตอร์ เรื่องนี้ผมรับบทเป็นจิรัสย์ครับ คาแร็คเตอร์ก็จะออกแนวลึกลับ เป็นพวกอมตะ คือฆ่าไม่มีวันตาย แต่ในใจจริง ๆ นี่ตัวเองอยากตายแล้วล่ะ เพราะอยู่มานานแล้ว ก็จะเป็นตัวผูกและคลายเรื่องทั้งหมด เหมือนเป็นตัวต้นเหตุของเรื่อง ก็เป็นบทที่แปลกออกไปอีกเรื่องหนึ่งทั้งในเรื่องของการแสดง, มุมมอง และความคิด ก็จะเป็นเรื่องราวที่เหมือนกับการแก้แค้น เหมือนกับเราเคยทำเค้าไว้ ณ ตอนนั้น หรือเมื่อก่อนสมัยเมื่อสักประมาณ 120 ปีก่อน 100 ปีก่อน ตอนนี้เค้าจะมาเอาคืน และเหมือนกับตัวเราเป็นอมตะแล้วทุกคนก็อยากจะกินเรา เพื่อจะได้รู้สึกว่าเป็นอมตะเหมือนกับเรา แต่จริง ๆ แล้วตัวเราเองก็อยากจะตาย เพราะว่าอยู่มานานเกินไป แต่ยังไงก็ยังตายไม่ได้ เพราะมีเรื่องราวที่เราต้องสะสางอยู่ ตัวละครทุกตัวก็จะสัมพันธ์กันตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องครับ พูดถึงความสามารถในการต่อสู้ของตัวเอง ใช้อาวุธอะไร ต่อสู้อย่างไร อาวุธของผมอย่างที่บอกว่า ผมมีความเป็นอมตะคือฆ่าไม่ตาย ถ้าตายแล้วลอกคราบคือก็เหมือนเป็นตัวอ่อนของดักแด้ ตัวหนึ่งเหมือนผีเสื้อแล้วลอกคราบเป็นตัวใหม่ขึ้นมาตลอดเวลา สำหรับเวลาที่เราถูกคนฆ่าหรือถูกสังหาร แล้วก็อาวุธที่ใช้คือเป็นความสามารถที่มันอยู่มานานหลายภพที่แล้วต่อ ๆ กันมา มีความสามารถโดยใช้มีด ปืน หรือการต่อสู้มือเปล่า คือมีความสามารถเยอะอยู่แล้ว คือถูกฝึกมากับตัวเองทุก ๆ ภพ ทุก ๆ ชาติคือความสามารถพิเศษมากกว่า ความยาก-ง่ายของบทที่ได้รับ ก็ยากนะครับ เพราะว่าคาแร็คเตอร์ที่เราเล่นก็เป็นเรื่องของซีนอารมณ์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสีหน้า นัยน์ตา รวมถึงแอ็คชั่น เพราะว่าค่อนข้างจะมีแอ็คชั่นเยอะในหลาย ๆ รูปแบบ แล้วก็แต่ละคนจะมีคาแร็คเตอร์ไม่เหมือนกันอย่างที่บอกแล้วแต่ใครจะมี effect อะไรต่อกัน ผมว่าเรื่องนี้ยากนะครับ แต่ว่าเราก็พยายามทำให้ดีที่สุด บทบาทในหนังเรื่องนี้มีความเหมือนหรือแตกต่างจากตัวเองอย่างไร คือแตกต่างอยู่แล้วครับ ผมไม่ใช่ปิศาจ ผมเป็นมนุษย์ แต่ตัวละครตัวนี้เป็นกึ่งมนุษย์ มันมีอะไรที่มันนอกเหนือจากคำว่าธรรมชาติ มันคือเหนือธรรมชาติมีลูกเล่นลูกแบบที่แตกต่างกันไปออกไป มีมุมมองซึ่งแตกต่างกันออกไป เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของความเป็นอมตะ ในเรื่องของปิศาจ ในเรื่องของการแก้แค้น คงรวมหลาย ๆ อย่างพอมีการแก้แค้นก็มีการต่อสู้เกิดขึ้น ก็จะมีทั้งไล่ล่า จะหนีอะไรต่าง ๆ ซึ่งผมคิดว่าครบทุกรสนะครับเรื่องนี้ แล้วก็จะแฝงแง่คิดในเรื่องของอุดมคติ การใช้ชีวิต หรือเกี่ยวกับเรื่องของพุทธศาสนาด้วย เพราะโอปปาติกเป็นภาษาบาลีซึ่งแปลว่าอมตะ นิรันดร หรือตลอดกาล โอปปาติกเท่าที่เข้าใจ เท่าที่ถามอาจารย์รวมถึงคนที่เค้ารู้เรื่องของภาษาบาลี แปลกันง่าย ๆ คือเป็นชีวิตที่อมตะ ตลอดกาล นิรันดร คือไม่มีวันตาย คือเป็นภาษาตรง ๆ เป็นภาษาเกี่ยวกับเรื่องของศาสนา ความเชื่อ รวมถึงการดำเนินเรื่องของเรื่องเนี่ยจะเกี่ยวกับปิศาจซึ่งอยู่ในทุก ๆ ภพ อยู่ในทุก ๆ โลกไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบัน อนาคต ผมคิดว่าความเชื่อของคนไทยค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าการที่คนเราเป็นอมตะหรือฆ่าไม่ตายมันจะสืบเนื่องในเรื่องของบาป บุญ ในเรื่องของเวรกรรม การกระทำในภพที่แล้วตามติดมาจนถึงภพนี้ กับหนังแนวแอ๊คชั่น-แฟนตาซีอิงเนื้อหาพุทธศาสนาอย่างนี้ ต้องมีการเตรียมตัวเพิ่มเติมบ้างมั้ย ก็คงเป็นเรื่องของคิวบู๊เห็นได้ชัดแล้วก็เรื่องของความเข้าใจ เรื่องของบท ภาษาที่ใช้ซึ่งบางทีเป็นภาษาที่เราคงไม่ได้พูดกัน บางครั้งมันเป็นาษากวี บางครั้งเป็นภาษาที่มีสำเนียงเป็นปรัชญา ซึ่งฟังแล้วอาจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ลองตีความหมายนะครับ ผมว่ามันเกี่ยวกับทางพุทธศาสนาแน่นอน สอนให้คนเป็นคนดี สอนให้คนรู้จักปลง สอนให้คนรู้จักสันโดษ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เป็นตัวของตัวเอง เชื่อในเรื่องของเวรกรรม กฎแห่งกรรม ซึ่งผมคิดว่ามีแง่คิดหลาย ๆ อย่าง แต่คุณต้องเข้าใจและพิจารณาดี ๆ เพราะว่าบางคำพูด บางไดอะล็อกมันต้องใช้ความคิดว่ามันแผงความหมายอะไรไว้ด้วย มีฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร คือแต่ละฉากสำหรับแอ็คชั่นค่อนข้างจะเยอะ คิวเยอะมันเป็นการโชว์ความสามารถของนักแสดงแต่ละคน มันจะเป็นการโชว์แอ็คชั่นของนักแสดงว่าตรงนี้เป็นแบบนี้ อีกคนหนึ่งเป็นแบบนี้ อีกคนเป็นแบบนี้ ผมว่าแค่ฟังที่ผมเล่าแล้วคิดตามก็เพลินแล้วนะครับ ก็อยากจะบอกว่าคงมีมุมมองไม่เหมือนกันสำหรับฉากแอ็คชั่น อยากจะให้ชมกัน อยากจะให้ดูกันว่าคนนี้หน้าตาแบบนี้เค้าเล่นแอ็คชั่นกันยังไง แล้วเสน่ห์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งแต่ละตัวแสดงจะต้องวนมาเจอกัน หมดไม่ว่าจะเป็นผม บอล ลีโอ พุฒ ชาคริต รวมถึงพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ แล้วก็อาหนิงด้วย จะวนมาเจอกันหมด จะมีนางเอกก็คือเชอร์รี่ ก็จะมีอีกคาแร็คเตอร์หนึ่งซึ่งแต่ละคนมีมุมของตัวเอง มันเหมือนกับเป็นแฟนตาซีซึ่งถูกแยกแนวของแต่ละคนออกมา ไม่เหมือนกัน เรื่องของบทเนี่ยก็คงดำเนินเรื่องตามที่เค้าเขียนมาแล้วก็ทำความเข้าใจกับบท แต่ผมคิดว่าพอรวม ๆ กันหลาย ๆ คน พอถูกรวบรวมมาตัดต่อทุกอย่างออกมา ผมว่าจะเป็นหนังที่สวยเรื่องหนึ่งนะครับ และเป็นหนังที่มีมุมแอ็คชั่นต่าง ๆ ซึ่งค่อนข้างที่จะแฟนตาซีแล้วก็มีลูกเล่น เพราะว่าจะมีพระเอกหลายคนนะครับ ความสามารถก็จะแตกต่างกัน คาแร็คเตอร์ก็ต่างกัน การเล่นก็ต่างกัน การพูดก็ต่างกัน ผมคิดว่าน่าสนใจนะครับสำหรับมุมมองใหม่ ๆ ของภาพยนตร์ไทย ฉากเด่น ๆ ของจิรัสย์ ของผมนี่เป็นครั้งแรกที่ได้แอ็คชั่นในแนวแฟนตาซี ในแนว Devil กึ่งปีศาจเลยนะ เป็นครึ่งผีครึ่งคนน่ะ แล้วก็ได้แอ็คชั่นในเรื่องของการใช้มีด ปกติเราเห็นการใช้มีด จะเป็นหนังฮ่องกงเป็นแนวจิกโก๋ตีกัน แต่นี่เป็นแนวเหนือ ๆ หน่อย เพราะว่าอย่างที่ผมบอกแต่แรก แต่ละภพ ๆ เราได้ศึกษาวิธีเรียนรู้ของการต่อสู้มา และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้มีด เรื่องของแอ็คชั่นเนี่ยก็มีเทคนิคอะไรต่าง ๆ เข้ามาเยอะ ผมว่าพอเวลาเล่นก็ดีนะเป็นแนวใหม่ของตัวเรา เป็นแนวใหม่ให้กับเพื่อน ๆ ที่จะมาดูแล้วเค้ารู้สึกตื่นเต้นดี เพราะปกติผมจะเป็นแบบพวกจิกโก๋ตีกัน ใช้ปืนใช้มีดอีกแบบหนึ่ง แต่แนวแบบนี้มันจะออกกึ่ง ๆ วิทยาศาสตร์หน่อย เรื่องของอารมณ์เนี่ย ความเป็นปิศาจมันทำให้เรารู้สึกว่าตัวเรามีอารมณ์ซึ่งเหมือนกับมีโลกส่วนตัว แสดงความรู้สึกทางสายตา สีหน้า มันคงไม่ได้ดราม่า อารมณ์แบบร้องไห้หรืออะไรมากมาย แต่จะเป็นเรื่องของความนิ่งแต่แฝงอะไรหลาย ๆ อย่างไว้ในตัว คงเป็นเรื่องแอ็คชั่นมากกว่าที่เด่น ๆ ครับ ฉากที่คิดว่ายากที่สุดในเรื่องนี้ ผมว่าทุกฉากครับ เพราะมันเป็นแนวใหม่ที่ผมไม่เคยเล่น แล้วได้เล่นกับนักแสดงหลาย ๆ คน ก็อยากจะบอกว่ายากพอ ๆ กัน แต่เป็นอีกแบบหนึ่งคงจะแตกต่างจากดราม่า-แอ็คชั่นที่เคยเล่น ประทับใจฉากไหนที่สุด อย่างที่ผมบอกไปคงเป็นเรื่องของการต่อสู้ การใช้ปืน โดนยิง โดนแทงแล้ว ตัวเองต้องลอกคราบ ปกติผมไม่เคยเล่นอะไรที่เป็นแอ็คชั่น-แฟนตาซีแล้วมี effect มันจะมีการลอกคราบ การทำหุ่น ซึ่งผมคิดว่าลองเล่นดูก็คงจะดี แล้วถ้าถามผม ผมว่าเพื่อน ๆ ก็คงอยากดู ผมประทับใจเรื่องของการวางลำดับภาพ ความสวยงามของภาพ ความเนี้ยบ แล้วก็มีมุมมองต่าง ๆ ที่แปลกกว่าเรื่องอื่น คือมันจะเป็นแอ็คชั่นผสมอาร์ต มันต้องใช้เวลา ใช้ความสามารถของทีมงาน ของผู้กำกับ รวมถึงของตัวนักแสดงด้วย บางทีตัวเราเองเนี่ยมันยังเท่ไม่พอ มันต้องใช้โลเกชั่น ใช้สิ่งแวดล้อมมาช่วยแล้วมันจะดูเท่มากเลย รวม ๆ แล้วน่าจะเป็นหนังไทยที่เรียกความสนใจของคนดูได้มากอีกเรื่องหนึ่งครับ การร่วมงานกับนักแสดงคนอื่นๆ การร่วมงานกับนักแสดงคนอื่น ๆ มีปัญหาอะไรเลย แล้วก็รู้สึกดี เพราะปกติเวลาเล่นเราก็จะเล่นกับนักแสดงร่วมอีกคนหนึ่งหรืออีกสองคนแต่ตอนนี้พระเอกทุกคนมารวมกัน 7 คน แล้วผมอยากเห็นตอนที่หนังฉายแล้วมีโปสเตอร์ แล้วมีการโปรโมทหนังว่าแต่ละคนต้องมีท่าทาง อาวุธ รวมถึงการต่อสู้ของแต่ละคนไม่เหมือนกันมันจะต้องมีซีนเด่น ๆ คืออย่างน้อยคุณต้องเห็นแบบครบทุกคนแน่นอน และแต่ละคนมีคาแร็คเตอร์ที่น่าสนใจทั้งหมด เวลาถ่ายโปรโมทหนังหรือถ่ายโปสเตอร์นี่ ผมว่าน่าสนใจมันเหมือนกับหนังฝรั่ง เหมือน Oceans eleven หรืออะไรแบบนี้ครับ การร่วมงานกับผู้กำกับและทีมงานเรื่องนี้ รู้สึกว่าตัวเองเนี่ยมีมุมมองใหม่ ๆ มีความตื่นเต้นเกิดขึ้นในชีวิต น่าจะเป็นจุดสนใจให้กับเพื่อน ๆ หรือแฟนคลับเราหรือคนที่เค้ารักหนังไทย มาดูอีกเรื่องหนึ่งอาจจะเป็นปรัชญาหน่อย แต่ว่าผมคิดว่ามันมีสิ่งที่น่าสนใจหลาย ๆ อย่าง คุณลองดูแล้วก็ลองคิด ลองหาตัวเอง ลองหาความชอบของคุณ ผู้กำกับคนนี้ทำงานอีกแบบหนึ่ง คือแต่ละคนสำหรับผู้กำกับไม่เหมือนกัน มีมุมมองไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะนิด ๆ หน่อย ๆ ผ่าน คนหนึ่งอาจจะเนี้ยบ สำหรับพี่อั๋นผมว่าเค้าทำงานดีนะครับแล้วก็ประดิษฐ์สิ่งที่สวยงาม คืออยากทำให้มันสวยที่หลาย ๆ คนเรียกว่าอาร์ท อาร์ทมันก็จะมีคาแร็คเตอร์ว่าเป็นแบบไหน ซึ่งพี่อั๋นก็จะมีคาแร็คเตอร์ของเค้า ก็รู้สึกยินดีนะครับแล้วก็รู้สึกโอเค ประทับใจที่ได้ร่วมงานกัน อุปสรรคในการทำงาน ไม่มีครับผม ในเรื่องของอุปสรรคคงเป็นเรื่องของคิวนะครับซึ่งพอถ่ายไปนาน ๆ แล้วทำให้คิวมันถูกยืดออกไป ในเรื่องของโลเกชั่นต่าง ๆ เราพยายามทำให้มัน smooth ที่สุด แต่ถ้าถามผมมันไมได้เรียกว่าอุปสรรค มันเรียกว่าวิธีการทำงานซึ่งเป็นมาตรฐานมากกว่าที่จะเป็นอุปสรรค Special Effect ของหนังเรื่องนี้ ดีครับ พูดถึง Special Effect ก็อยากจะบอกว่าดี ซึ่งตัวเองก็ไม่เคยทำอย่างที่กล่าว บอกแต่แรกเลยเรื่องการหล่อตัวหล่อหุ่นทำนู้นทำนี้หลาย ๆ อย่าง ผมว่ามันทำให้รู้สึกว่า เราก็เดินตาม Hollywood น่ะ จะได้มากได้น้อยก็สุดแล้วแต่ แต่คือเรายังมีมุมมองหรือพัฒนาการที่จะก้าวไปให้ทันเค้า ถึงแม้จะตามเค้าอีกไกล แต่ผมว่าจะดีกว่าหลาย ๆ ประเทศนะครับ ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ ความน่าสนใจคงเป็นเรื่องของการแสดง เป็นเรื่องของการแอ็คชั่น ความตื่นเต้น Special Effect ความเป็นแฟนตาซี รวมถึงตัวนักแสดงด้วย ผมว่าตื่นเต้นและน่าสนใจที่ทุกคนมารวมตัวกันได้ขนาดนี้นะครับ เรื่อง โอปปาติก ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นหนึ่งอีกทางเลือก ซึ่งเราขอมอบสำหรับคนที่ชอบดูหนังไทย คนที่รักหนังไทย ยังไงนะครับลองติดตาม ลองชม ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหนัง เบื้องหน้า ยังไงไปชมกันดู แล้วก็ทำใจกว้าง ๆ นะครับ ทำใจให้เป็นศูนย์ แล้วคุณเข้าไปดู แล้วบอกตัวเองว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่ผมคิดว่า การที่เราได้เข้าไปดูหนังแล้วเราชอบเกิน 50 % ไปแล้วกับหนังไทยผมถือว่าดีนะครับ ยังไงก็ฝากไว้ด้วยนะครับ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ เต๋า-สมชาย เข็มกลัด คืนจอแบบไม่มีวันตาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook