บทสัมภาษณ์ ผู้กำกับThe 11 th hour

บทสัมภาษณ์ ผู้กำกับThe 11 th hour

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ถาม - ตอบ กับ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ (ผู้บรรยาย/ผู้อำนวยสร้าง) ไลล่า คอนเนอร์ส ปีเตอร์สัน (ผู้ประพันธ์/ผู้กำกับการแสดง/ผู้อำนวยการสร้าง) นาเดีย คอนเนอร์ส (ผู้ประพันธ์/ผู้กำกับการแสดง) และเคนนี่ โอซูเบล (ที่ปรึกษา) คำถาม: อะไรคือความท้าทายต่าง ๆ ในการที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้คนที่ยังไม่ได้มีความรู้หรือความสนใจในประเด็นที่บอกเล่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ ? ลีโอนาโด ผมคิดว่านั่นคือจุดมุ่งหมายทั้งหมดของการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ พวกเราบอกเล่าเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องราวนี้โดยไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะเจาะจง เนื้อหาทั้งหมดของหนังบอกเล่าเกี่ยวกับ กฎหมาย Clean Air Act นั้นผ่านรัฐสภามาได้อย่างไร การที่กฏหมาย Clean Air Act ได้รับความเห็นชอบและนี่เป็นผลงานของพรรครีพับริกันและเดโมแครตส์ที่ทำงานร่วมกัน และนี่เป็นเรื่องราวที่สำคัญ มันเป็นเรื่องที่ทั้งโลกสมควรจะต้องรับรอง พวกเราในฐานะประเทศอเมริกา พวกเราต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ ผ่านทางภาพยนตร์ในรูปแบบนี้ ผ่านทางสื่อ ผ่านทางการบอกเล่าสู่สาธรณชน พวกเราต้องร่วมมือกันและมันก็เป็นเพียงชิ้นส่วนเพียงเล็ก ๆ ของปริศนาเท่านั้นครับ นาเดีย เราพยายามทำหนังที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับปุถุชนธรรมดาโดยที่เกี่ยวกับเรื่องความรู้สึก มันเป็นเรื่องน่ากลัว; มันเป็นความตื่นเต้น; มันเป็นเรื่องน่าเศร้า; มันเป็นความน่าตกใจ น่าเกรงขามและมีความหวัง ด้วยความรู้สึกทั้งหมดเหล่านั้น ฉันคิดว่ามันเป็นความพยายามที่จะบอกเล่าไปให้ทั่วถึง แน่นอนค่ะว่ามีข้อมูลมากมายที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ แต่ส่วนมากมันจะเกี่ยวกับประสบการณ์ของการที่ต้องก้าวผ่านการเดินทางของข้อมูลต่าง ๆ ของการผ่านจากนรกไปสู่ความหวัง และฉันก็คิดว่าสิ่งที่อยู่ในหนังเรื่องนี้จะเป็นการทำให้เราได้เข้าถึงผู้ชมที่กว้างออกไป คำถาม: แต่อะไรที่คุณจะบอกเล่ากับผู้ที่มีความสงสัย คนที่ไม่มีความเชื่อว่ามันเป็นปัญหากัน? ลีโอนาโด ความมุ่งหมายทั้งหมดของการทำหนังเรื่องนี้ต้องการมุ่งเน้นจากความต้องการที่จะได้ฟังความเห็นพ้องของคนส่วนใหญ่ที่มีท่วมท้นจากชุมชนทางด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับตัวผมแล้ว มันเป็นรูปแบบที่ต่อเนื่อง ผมต้องการที่จะได้รับรู้เกี่ยวกับชีวิตการทำงานของพวกเขาและพวกเขากำลังเรียนรู้อะไรในตลอดเวลา มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกเราที่จะตั้งคำถาม และด้วยความหวังว่าเมื่อผู้ชมได้ชมหนังเรื่องนี้พวกเขาจะมีผลกระทบร่วมทางด้านอารมณ์และต้องการที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับมัน ผมคิดว่านี่แหละเป็นจุดหลักของการทำหนังเรื่องนี้ การที่จะทำหนังเรื่องคนธรรมดาๆ ในขณะเดียวกันจะทำให้คุณได้เข้าใจถึงความเป็นจริงว่ามันจะเกิดอะไรกันขึ้นถ้าคุณยังคงทำเรื่องของคุณไปเรื่อย ๆ แต่พวกเขายังจะนำเสนอความเป็นไปได้หลายอย่างที่อยู่ด้านนอกนั้น มันจะมีเทคโนโลยีมากมายที่มีอยู่ในตอนนี้ที่จะลดทอนระบบนิเวศน์วิทยาได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และมันถึงเวลาแล้วที่พวกเราปุถุชนคนธรรมดาจะเริ่มผลักดันให้เกิดพลังเพื่อที่จะจุดประกายสิ่งนี้เข้าไปสู่ชีวิตประจำวันของพวกเรา ให้ไปถึงจุดที่พวกเราไม่ต้องไปคำนึงถึงมันกันอีก นาเดีย จุดมุ่งหมายของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการเริ่มต้นใหม่ของรัฐหนึ่งในโลกและเริ่มต้นกันใหม่ของคนทั้งชาติในด้านสิ่งแวดล้อมอย่างที่เป็นหัวข้อและเรื่องราวของคนธรรมดาพวกเราเป็นธรรมชาติ พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ในตอนนี้สิ่งแวดล้อมยังเป็นสิ่งที่ไม่มีใครพูดถึงเป็นเรื่องประจำวัน มันจะเป็นแบบที่ว่า อ้อ คุณเลือกที่จะเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือเปล่า สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจะทำและทำไมพวกเราถึงคิดถึงมันเป็นการสร้างสะพานเชื่อมโยงเพราะพวกเรากำลังพูดถึงมนุษยชาติโดยรวม พวกเราเป็นใคร พวกเรามาถึงจุดที่เราเป็นอยู่นี้ได้อย่างไรและเราจะหาทางออกกันได้อย่างไร และเมื่อผู้คนต้องการที่จะเป็นผู้ต่อต้านหรือมีความสงสัย หรืออะไรก็ตามแต่ที่พวกเขาต้องการจะทำไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ถ้าคนพวกนั้นได้รับฟัง ดูและเรียนรู้อย่างจริงจังพวกเขาก็จะรู้ว่าความเป็นจริงของสถานการณ์นั้นเป็นสิ่งที่เราได้นำเสนอไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ โลกกำลังเกิดความเดือดร้อน; พวกเราทุกคนเป็นสาเหตุ พวกเราต้องช่วยกันแก้ไขมัน และนี่เป็นความจริงที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร คำถาม: คุณจะว่าอย่างไรกับ บรรดาผู้คนที่พูดว่าภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องเหลวไหล? นาเดีย พวกเขาจะต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง มีผู้คนหลายล้าน หลายล้านและหลายต่อหลายล้านอยู่ทั่วโลกที่กำลังร่วมมือกันทำในสิ่งดีเพื่อช่วยกันกอบกู้ และฉันก็ไม่คิดว่าพวกที่ปฏิเสธเหล่านี้หรือจะเป็นพวกที่มีความสงสัยจะลุกขึ้นมาต่อต้าน ลีโอนาโด คำตอบของผมจะเป็นแบบเดิม ๆ ก็คือ; พวกเราในฐานะประเทศจะไม่กลายมาเป็นอิสระทางพลังงานและไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันที่มาจากต่างประเทศได้อย่างไรกัน? บรรดานักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายที่เห็นพ้องกันเป็นข้อตกที่ว่าคนเราทุกคนนี่แหละที่เป็นตัวหลักสำหรับเรื่องราวนี้ ทำไมเราถึงจะไม่อยากได้อากาศหรือน้ำที่บริสุทธิ์กว่านี้กันล่ะ? สิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เพราะงั้นผมถึงคิดว่ามันเป็นการก้าวข้ามขอบเขตทางการเมืองในทางที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ผมจะตอบกับพวกที่ยังมีความสงสัย ทำไมพวกเราจะไม่ต้องการพึ่งพาน้ำมันที่มาจากต่างประเทศให้น้อยลงกันล่ะครับ? เคนนี่ ผมคิดว่ามันยังมีอีกหลายต่อหลายล้านที่กำลังปรับเปลี่ยนอยู่ในขณะนี้ ธุรกิจใหญ่ ๆ กำลังเริ่มเป็นธุรกิจสีเขียวซึ่งรวมไปถึงเหตุผลทางด้านการเงิน ตึกสีเขียวกำลังจะทะยอยเข้ามาในอีกสิบปีข้างหน้า สารเคมีสีเขียวก็กำลังจะเข้ามาโดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างดูปองท์และ 3 เอ็ม เป็นผู้สนับสนุน ดังนั้นมันจะเป็นเหมือนคลื่นที่อันที่จริงแล้วจะมีนโยบายของทางราชการผลักดันอยู่เบื้องหลัง และสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ พวกที่ยังมีความสงสัยอยู่จะเริ่มเบาบางลง และจากนั้นถ้าคุณมองมาที่บางอย่างอย่างเช่นการเคลื่อนไหวของชาวคริสเตียน มันจะมีความห่วงใยในการสร้างสรรค์ที่อยู่ท่ามกลางพวกนับถือศาสนาคริสต์ เพราะงั้นมันจะมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย คำถาม: ด้วยหลายบริษัทที่เป็นหลักและเต็มใจที่จะจ่ายค่าทำให้เกิดมลภาวะ คุณจะทำให้พวกเขาเปลี่ยนแนวทางได้อย่างไร ? ไลล่า เอ้อ อันที่จริงมันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นผู้นำในทุก ๆ ดับ พวกเรารู้ว่ามันจะมีสองทางที่พวกเรากำลังทำกันอยู่ ทางที่ทำลายและอีกทางหนึ่งก็คือการเยียวยาและการแก้ไข พวกเรารู้ว่าเราต้องทำอะไรในตอนนี้ ผู้คนจะต้องกดดันบรรดาบริษัทต่าง ๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลงและไม่ใช่แค่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์เท่านั้นที่จะเปลี่ยนไปเพื่อพลังงานที่ทดแทน ถ้าบริษัท เอ็กซอนโมบิลไม่ต้องการจะเปลี่ยน ทั้งโลกก็จะไม่สนใจเขา นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขายังมีอำนาจอยู่มากมายแต่มันจะต้องเปลี่ยนไป มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนที่มาจากหัวใจของชาวอเมริกันทุกคนและผู้คนที่อยู่ทั่วโลกเพื่อจะเปลี่ยนทิศทางนี้ออกไป พวกเราไม่ควรจะกลัวความยิ่งใหญ่ของเขาถึงพวกเราจะพูดกันว่าพวกเขายิ่งใหญ่และมีอิทธิพล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันนั้นก็คือผู้คนอย่าง ทอม ลินเซย์กำลังทอนอำนาจของบริษัทใหญ่ ๆ พวกนั้นลงไปโดยพูดว่า พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาไม่มีสิทธิอย่างที่พวกเขาเคยมีอีกต่อไป เพราะงั้นมันจะมีทางแก้ปัญหา พวกเราก็แค่นำมันมาปฏิบัติเท่านั้นเอง คำถาม: ลีโอ อะไรเป็นความผสมผสานในการกระทำสำหรับคุณที่จะแบ่งความต้องการสำหรับความเป็นส่วนตัวกับโปรเจ็คที่เป็นแบบนี้ ซึ่งจะบอกเล่าให้ผู้คนได้รับรู้ว่าคุณกำลังห่วงใยอะไรและคุณกำลังจะทำอะไร ? ลีโอนาโด จริง ๆ เลยนะ มันไม่ใช่อะไรที่ผมคิดถึงมันในกรณีพิเศษแบบนี้นะครับ มันเป็นแรงกระตุ้นจากภายในของผมตั้งแต่ผมยังเด็กมาก ผมจะถูกกระตุ้นด้วยสื่อ อย่างเช่นหนังประเภทนี้ ผมจะมีความรู้สึกร่วมกับหนังสารคดีต่าง ๆ ที่ผมเคยได้ดูตอนเป็นเด็กเกี่ยวกับป่าดงดิบ ตำรวจและการสูญหายไปอย่างน่ากลัวของมันในตอนนี้ ดังนั้นสำหรับตัวผมแล้วมันเป็นการเอาโลกสองโลกมาหลอมรวมกัน ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่สุดของสิ่งนั้น และนี่คือประสบการณ์ตรงของผมในธุรกิจนี้และได้เรียนรู้ว่าจะกระตุ้นผู้คนให้เกิดความรู้สึกร่วมผ่านทางหนังและแรงกระตุ้นของผมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร และนั่นคือสิ่งที่เป็นตัวตนของภาพยนตร์เรื่องนี้ และมันก็เป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างจะซาบซึ้งและเป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวผมเพราะผมต้องการแสดงเป็นใครสักคนที่มีความหวังในการที่จะตั้งคำถามต่างๆ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับผู้คนที่ทุ่มเทชีวิตให้กับเรื่องนี้ แต่ผมจะพูดเสียงดังเกี่ยวกับเรื่องราวของสิ่งแวดล้อมและผมก็จะสานต่อไปเรื่อย ๆ ผมจะเป็นนักแสดงต่อไปด้วยเพราะมันเป็นความชอบเบื้องต้นของผม มันก็เท่านั้นล่ะครับ คำถาม: จากการที่คุณมีคิวที่จะต้องถ่ายภาพยนตร์อีกมากมาย คุณจัดลำดับความสำคัญเกี่ยวกับอาชีพทางการแสดงของคุณและความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวอย่างไร ? ลีโอนาโด เป็นคำถามที่ดีนะครับ มันเป็นเรื่องที่ผมกำลังทำอยู่ในตอนนี้ล่ะครับ แต่ผมก็จะทำเป็นอย่าง ๆ ไป ภาพยนตร์เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่มีขั้นตอนการทำมาแล้วสามปีอย่างต่อเนื่อง มันเป็นภาพยนตร์ที่ทำกันขึ้นเองในหลาย ๆ ทางและเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเหมือนในสายงานอาชีพของผม มันเป็นเรื่องที่มีความแตกต่างเป็นอย่างมากกว่าการที่ผมจะไปถ่ายหนังเป็นเวลาสามหรือสี่เดือนในคราวเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงกับสาว ๆ เหล่านี้ในห้องตัดต่อ และรวบรวมหลายต่อหลายพันชั่วโมงของการเก็บภาพเพื่อมาทำเป็นหนังที่มีความยาวแค่ชั่วโมงครึ่งและความพยายามที่จะทำหนังที่จะกระตุ้นผู้คนให้ไปในจุดที่เมื่อพวกเขาออกจากโรงหนังไปแล้วจะต้องมาเผชิญกับความเป็นจริงหลายหลากว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้และพวกเราทุกคนในอนาคตถ้าเรายังไม่มีการปรับเปลี่ยนแต่ก็ยังคงส่องสว่างและด้วยความหวังและแรงบันดาลใจให้ผู้คนเกิดความเข้าใจว่ามันยังมีหนทางที่แก้ไขได้อยู่อีกมากมายถ้าพวกเขาร่วมมือกัน และนั่นก็คือกูญแจสำคัญในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยความหวังที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนให้เกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องรวมนี้และช่วยกันทำให้เกิดขึ้นคนละไม้คนละมือ คำถาม: คุณรู้สึกโล่งใจหรือเปล่าที่เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในหัวข้อของพวกที่ให้คะแนนเสียง ? นาเดีย โชคยังไม่ดีนะคะที่มันยังมีช่องว่างที่กว้างใหญ่มาก ปัญหาสิ่งแวดล้อมมันอยู่ตรงนั้น; สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป; มลภาวะทางน้ำก็อยู่ตรงนั้น อย่างไรก็ตามพวกเราก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดลล้อมและปัญหาสิ่งแวดล้อมในรูปแบบต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญ และสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญก็คือการที่เราพยายามทำภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาก็คือการที่เราจะเปลี่ยนปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือความก้าวหน้าทางวงการอุตสาหกรรม พวกเราได้แต่หวังว่าในการทำแบบนั้นผู้คนที่อาจจะไม่เคยคำนึงเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาแรก อย่างการที่จะรักษาป่าสนเอาไว้เป็นปัญหาแรกว่าบางอย่างในบางสิ่งที่เกือบจะเป็นสิ่งที่หรูหราสำหรับคนบางพวกแต่อย่างที่ลีโอนาโดคุยไว้ตั้งแต่ต้นว่านี่มันเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ความสามารถในการคงไว้ซึ่งมนุษยชาติบนโลกใบนี้นั้นเป็นเรื่องน่ากลัวนะคะ และในความเป็นจริงที่ว่ามันได้เป็นหนึ่งในสิ่งที่อยู่ในหนึ่งในห้าหรืออยู่ที่หนึ่งในหัวของทุก ๆ คนในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้นั้นคือปัญหา และพวกเราหวังว่าจะสนับสนุนจุดหนึ่งเพื่อจะปรับเปลี่ยนความเป็นจริงในสังคม ในทางนั้นด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยค่ะ เคนนี่ ผมคิดว่ามันไม่มีความเกี่ยวข้องกันอยู่นะ ด้วยนักการเมืองหลายคนที่ไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มันมีความสำคัญอย่างไรกับผู้คนอีกมากมาย มันจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมากถ้า ไมเคิ้ล บลูมเลิร์กจะเข้ามาสู่การแข่งขันเพราะเขาได้จัดให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญของเมืองนิวยอร์ค และเขาก็ได้ทำในสิ่งที่น่าสนใจเอามาก ๆ ที่เป็นสิ่งที่ต้องมองการณ์ให้ไกลและเป็นเรื่องอีกยาวนาน เขาอาจจะเป็น รอส เพอร์รอตอีกคนหนึ่งก็ได้โดยดึงเอาคะแนนเสียงมาได้อีก 20 เปอร์เซนต์ดัวยปัญหาสิ่งแวดล้อมในเบื้องต้น และถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงมันก็จะเป็นการเปลี่ยนถ่วงดุลย์ของอำนาจและผมคิดว่านี่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งสุดท้ายที่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นศูนย์กลางนะเอาจริง ๆ เลยครับ คำถาม: ด้วยการต่อต้านเป็นอย่างมากจากพวกอนุรักษ์นิยมในการอภิปราย คุณมีความมุ่งหวังอย่างไรที่จะข้ามไปถึงเส้นแบ่งเขตและทำให้เรื่องนี้กลายเป็นนโยบายของทั้งสองพรรค ? นาเดีย อย่างที่ฉันบอกในตอนแรกแล้วว่า บรรดาพวกเชื่อในคำสอนของพระคริสต์จะมีบางอย่างที่เรียกกันว่า Creation Care บริษัทต่าง ๆ เริ่มเป็นสีเขียว แม้กระทั่งคนที่อยู่ที่บริษัท ฟอกซ์นิวส์ก็ยังมีความเชื่อว่าการอนุรักษ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญ ในบางครั้งมันก็เป็นความสนใจที่สุดที่จะสานต่อในการถากถางพวกประชาธิปไตยเพราะมันทำให้คะแนนเสียงดีแต่จริง ๆ แล้วพวกเขามีความเชื่อในหลายอย่างที่พวกเราทำ และฉันมีความเชื่อว่าพวกเราจะร่วมกันได้ในหัวข้อนี้ พวกเราต้องทำมัน และน่าเศร้าว่าถ้ามีพายุอย่างคาทริน่าเกิดขึ้น ถ้ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นพวกเราจะร่วมกันอย่างรวดเร็วมาก สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการบอกเล่าคือ มาช่วยกันก่อนที่เรื่องร้ายแรงเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องที่พวกเราควบคุมมันไม่ได้โดยตัวเลือกของเรามีน้อยลง คำถาม: ทำไมคุณถึงได้นำเสนอข้อมูลที่มากมายเกี่ยวกับปัญหามากกว่าที่จะกระโจนเข้าหาทางแก้อย่างตรงไปตรงมา? คุณคิดว่ามีผู้คนอีกมากที่ยังไม่มีความเข้าใจว่าปัญหามันมีขึ้นจริงเหรอ? นาเดีย ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีความเชื่ออย่างจริงจังหรือความเข้าอกเข้าใจความลึกและความกว้างของปัญหานี้และพวกเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงจากปัญหา มันอยู่ที่นั่น มันไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ในความเป็นจริงแล้วปัญหามันอยู่แค่ในห้อง มันอยู่ในทุกๆ อย่างที่เราเห็น มันอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกิดจากวิวัฒนาการทางความเจริญของคน พวกเรารู้ว่ามันมีอยู่แน่นอน สิ่งอย่างที่คุณจะทำได้เพื่อช่วยโลกของเรา คุณจะต้องเปลี่ยนหลอดไฟและต้องเติมลมยางอยู่ตลอดและอะไรทำนองนั้น แต่อะไรที่เราจะทำให้ในส่วนที่ยิ่งใหญ่กว่า และสิ่งนั้นที่ฉันคิดว่ามันเป็นก้าวหลักที่จะเป็นจุดเปลี่ยนในทางสังคม มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีสติและในการที่จะทำให้มันเกิดสติในการเปลี่ยนนั้นคุณจะต้องก้าวผ่านการเดินทาง คุณจะต้องผ่านการเดินทางของความสัมพันธ์อย่างที่เคนนี่บอกเราว่าในตอนเริ่มต้นของหนังระหว่างความเป็นมนุษย์และโลกใบนี้ คุณติดตามเรื่องราวและคุณได้พบกับปัญหาต่าง ๆ และคุณต้องผ่านมันไปในขณะที่เรายังอยู่ตรงนี้และจากนั้นคุณก็ผ่านความหวังและทางแก้ไขเพราะหลายอย่างที่เกี่ยวกับสิ่งนี้ก็คือการเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในหัวใจและการเปลี่ยนที่ทำให้เกิดสติเพื่อที่ว่าพวกเราแต่ละคนจะตัดสินใจกันได้ว่าเราจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนในระดับไหนเพราะว่ามันจะต้องกลายเป็นการเคลื่อนไหวทางสังคมที่กว้างขวาง มันไม่ใช่การที่จะเปลี่ยนด้วยลูกปืนเงินหนึ่งหรือสองลูกที่ทำได้ เคนนี่ และสิ่งหนึ่งนั้นก็คือการที่ธุรกิจยักษ์ใหญ่เปลี่ยนเป็นธุรกิจสีเขียว มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตลาดเสรีอย่างจริงจัง และมันจะเป็นเรื่องที่พวกนี้ให้ความสนใจ มันเคยมีการศึกษาวิจัยด้านประชากรหลังจากเกิดพายุเฮอริเคน คาทริน่า และการวิจัยที่พบว่าเป็นเรื่องสนับสนุนที่เป็นแรงกระตุ้นมากที่สุดเกี่ยวกับการที่เราจะต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนคือผู้หญิงชาวแอฟริกัน อเมริกันซึ่งเป็นด้านกลับกันอย่างสิ้นเชิง และเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนจอมาก่อน โดยเหตุผลที่ดีและชัดแจ้ง มันเป็นการเปลี่ยนที่ยังไม่มีการเข้ามาเป็นมุมมองทางด้านการเมืองแต่มันเป็นสิ่งที่ดีในตามทางของมัน ผมคิดว่าบางอย่างของสิ่งนี้ก็คือโครงร่าง และการที่พวกเราได้พูดเกี่ยวกับคนรุ่นต่อ ๆ ไปในอนาคต พวกเรากำลังพูดถึงสิทธิของบรรดาเด็ก ๆ ที่ยังไม่เกิด ผมหมายถึงว่าพวกเราต้องตื่นตัวกันตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าพวกเรายังมีความต้องการที่จะดูแลเด็ก ๆ ที่ยังไม่ได้เกิดมาอย่างจริงจัง พวกเราสมควรจะต้องเริ่มคิดถึงเรื่องภาวะสิ่งแวดล้อม คำถาม: ลีโอ หนึ่งคำถามเกี่ยวกับภาพยนตร์หลายเรื่องที่คุณเลือกว่าจะทำ ? คุณได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกวันนี้ในคนทำภาพยนตร์และผู้คนที่ให้ทุนในการสร้างภาพยนตร์ว่าพวกเขามีความเต็มใจที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวนี้ในปัจจุบัน มากกว่าที่จะพากันบอกว่าเราค่อยมาทำกันในอีกสิบปีข้างหน้าจะดีกว่า ? ลีโอนาโด ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่กลับไปที่ภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองหลายเรื่องในช่วงปี 1970 ที่ผมสนุกกับมันแน่นอนอย่างเรื่อง Parallax View หรือเรื่อง Three Days of the Condor และผมก็ชอบที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์แบบนั้นถ้าเรื่องราวของมันดีมากพอ โดยมีบทบรรยายที่ยอดเยี่ยมและมันจะต้องเป็นภาพยนตร์ที่ดีเป็นอันดับแรกเลยครับ ผมเป็นคนสนับสนุนที่หนักแน่นในการทำภาพยนตร์แบบนั้นออกมาและนั่นเป็นสาเหตุว่าทำภาพยนตร์เรื่อง Blood Diamond ถึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ในความสนใจของผมและผมก็กระโดดเข้าหาโอกาสและแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้โดยมีริดลี่ย์ สก๊อตต์เข้ามาร่วมงานด้วย ผมชอบที่จะได้แสดงหนังแบบนั้น และผมก็ได้แต่หวังว่าจะมีคนมากพอที่จะไปดูมันเพื่อที่ว่าผู้สร้างจะทำเงินได้มากพอที่จะทำภาพยนตร์แบบนั้นออกมาอีกในอนาคต และรู้ว่ามันยังมีคอหนังที่ให้ความสนใจมัน โดยหนังเรื่องนี้ทำเงินเพราะเรามาเล่นกันในด้านสื่อ นี่เป็นหนทางที่ผู้คนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวนี้ในภาวะปัจจุบัน นี่เป็นทางสายหลักสำหรับการเรียนรู้ของโลกในทุกวันนี้ครับ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ บทสัมภาษณ์ ผู้กำกับThe 11 th hour

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook