ละคร รักในม่านเมฆ

ละคร รักในม่านเมฆ

ละคร รักในม่านเมฆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บทประพันธ์ บุษยมาศ บทโทรทัศน์ นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์, ธนันณัฏฐ์ เสตณสหมิตร กำกับการแสดง วัชรา สังข์สุวรรณ ออกอากาศทุกวัน ศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25น. ทางช่อง 7 สี เรื่องย่อละคร รักในม่านเมฆ หลังจาก ภาดา อภิรักษ์ภูบาล จบการศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้เดินทางกลับประเทศไทยพร้อม โฉม พิไล ภรรยาสาวสวยที่แต่งงานกัน ณ กรุงวอชิงตัน ซึ่งคุณอัมพร มารดาของภาดา ที่รู้สึกว่าลูกชายของเธอทำสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง ยิ่งโดยเฉพาะไม่บอกกล่าวให้เธอรู้ก่อน แต่ด้วยความสวยงามของโฉมพิไลบวกกับพื้นฐานครอบครัวเป็นผู้ดีเก่าที่มีฐานะร่ำรวย ทำให้คุณอัมพรยอมรับลูกสะใภ้คนนี้ได้ทันทีและเต็มใจมาก ซึ่งต่างจากอำนาจน้องชายของคุณอัมพรที่กลับไม่พอใจและท้วงติงคุณอัมพรในเรื่องที่ภาดามีพันธะแล้ว ตามข้อตกลงของภูบาลบิดาของภาดาที่เสียชีวิตไปแล้ว กับนายวิน ศิรวิทย์ เพื่อนสนิทของภูบาล และเป็นบิดาของ วาลิกา หรือ น้องทราย ซึ่งพันธะนั้นเกิดจากเงินจำนวนสิบล้านบาทที่นายวินให้ภูบาลมาลงทุนทางธุรกิจที่ขาดทุนย่อยยับ ทำให้ภูบาลไม่สามารถใช้หนี้คืนได้ แต่นายวินกลับยกหนี้ให้โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าภาดาจะต้องแต่งงานกับน้องทราย ซึ่งคุณอัมพรยอมรับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ เพราะถึงแม้นายวินจะร่ำรวยถึงขั้นเศรษฐีก็ตาม แต่ก็เป็นเศรษฐีบ้านนอก ไม่มีสกุล ไม่คู่ควรกับกับสกุลเก่าแก่อย่างอภิรักษ์ภูบาล หนำซ้ำยังมีลูกสาวเป็นง่อยโปลิโออีกด้วย คุณอัมพรจึงพยายามหลีกเลี่ยงเงื่อนไขนี้มาตลอดหลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตไปแล้ว อีกทั้งพยายามที่จะไม่ยอมชดใช้หนี้สินอีกด้วย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ภาดาไม่เคยรู้เรื่องเลยและคุณอัมพรก็มีเจตนาปิดบัง เพราะตั้งแต่นายภูบาลเสียชีวิตไปร่วมสิบกว่าปีนั้นนายวินไม่เคยมาทวงสัญญานี้เลยคุณอัมพรจึงนิ่งเฉยเสีย จนวันหนึ่งนายวินส่งข่าวว่าจะมาพบคุณอัมพรในสัปดาห์ที่จะมาถึงคุณอัมพรจึงจำ เป็นต้องบอกภาดาทั้งเรื่องหนี้สินและเรื่องแต่งงานกับน้องทราย ภาดาจำน้องทรายได้ทันทีพร้อมกับมีใบหน้าอ่อนโยนเมื่อคิดถึงเด็กหญิง รูปร่างบอบบาง นัยน์ตาโศกที่เปล่งประกายระยิบระยับเมื่อพบเขา เพราะน้องทรายถือเขาเป็นพี่ชายใจดีมีเมตตาต่อเธอในทุกๆ เรื่อง น้องทรายยอมรับว่าเธอมีโลกแคบเพียงแค่รถเข็นหนึ่งคันที่พาเธอไปได้เพียงแค่อาณาเขตของบ้านบิดาเธอเท่านั้น ความจริงแล้วน้องทรายเป็นโปลิโอมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ซึ่งนับจากวันนั้นมาเธอก็มีชีวิตที่เงียบเหงาอยู่กับบิดาและพี่เลี้ยงชื่อ แจ่ม ที่รักเธอยิ่งกว่าชีวิตของตนเองยิ่งนัก กับพี่ชายที่มากับลุงภูบาลเพื่อเยี่ยมบิดาและตัวเธอที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งพี่ชายคือผู้เปิดโลกกว้างให้เธอเห็นด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนและแววตาอบอุ่น ของเขานี้เองที่ทำให้ชีวิตของเธอกลับสดใสมีชีวิตชีวาพร้อมต่อสู้ต่อไป และแล้วนายวินก็ได้มาพบกับคุณอัมพรและภาดาตามที่ได้นัดไว้แล้ว โดยคุณอัมพรมีท่าทางไม่ยอมสมาคมกับนายวิน แม้แต่จะร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน แต่นายวินกลับไม่ถือสาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับกิริยาเหล่านั้นของคุณอัมพร และเมื่อภาดากับนายวินมีโอกาสได้คุยกันตามลำพัง ภาดาจึงขอผัดผ่อนเรื่องหนี้สิน แต่นายวินกลับขอร้องให้ภาดารีบแต่งงานกับน้องทรายด้วยเหตุผลที่ทำให้ภาดาพูด ไม่ออกนั่นคือนายวินเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายคาดว่าจะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี ฉะนั้นถ้าหากน้องทรายไม่รีบแต่งงานมีครอบครัวเสียก่อน เขาก็คงจะนอนตายตาไม่หลับ เป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงอยากฝากฝังน้องทรายไว้กับภาดา แม้ว่าการแต่งงานจะเป็นเพียงในนามนายวินก็ยอมทั้งสิ้น เพราะเขามั่นใจว่าภาดาจะดูแลน้องทรายได้เป็นอย่างดี ภาดาเฝ้าครุ่นคิดว่าจะหาทางออกอย่างไรดีที่จะปฏิเสธนายวินอย่างบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ขณะที่คุณอัมพรเองก็คัดค้านชนิดหัวชนฝา จะไม่มีวันยอมให้ภาดาแต่งงานเป็นลูกเขยเศรษฐีบ้านนอก ที่เธอประณามหยามเหยียดว่าเป็นไพร่ไม่มีสกุลรุนชาติอย่างนายวินโดยเด็ดขาด และเธอก็ยืนยันอีกด้วยว่าจะไม่ยอมเสียบ้านวัชรเวศน์เช่นกันแม้ว่าจะไม่มีเงินก้อนโตมาใช้หนี้ก็ตาม ซึ่งทางออกมีประการเดียวคือภาดาต้องหาเงินสิบล้านบาทมาใช้หนี้ให้ได้ โดยภาดาได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทชื่อ อริน โดยให้หาคนมารับจำนองบ้านวัชรเวศน์แต่ก็ไม่สำเร็จ คุณอัมพรบอกให้ภาดาขอความช่วยเหลือจากโฉมพิไล โดยคุณอัมพรก็ไม่รู้เลยว่าครอบครัวของโฉมพิไลอันประกอบด้วย คุณนายเฉลา มารดา กับ นายเฉลิมชัย พี่ชายกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าครอบครัวของภาดาเสียอีกเพราะมีหนี้สินล้นพ้นตัว เนื่องจาก นายภีม บิดาเป็นนักการพนันตัวยง และสร้างหนี้สินไว้จนแม้แต่บ้านก็หลุดจำนองไปนานแล้ว เจ้าหนี้หลายรายก็คอยตามทวงหนี้อยู่ตลอดเวลาอีกด้วย อย่างไรก็ตามภาดาปฏิเสธที่จะไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากโฉมพิไล แต่ยังคงยืนยันที่จะขายบ้านวัชรเวศน์เหมือนเดิมทำให้คุณอัมพรหงุดหงิดกับข้ออ้างเรื่องเสียศักดิ์ศรีของลูกชาย ทำให้แม่ลูกต่างมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ทั้งสองต่างไม่ยอมกันและกัน แต่ในที่สุดเมื่อไม่มีหนทางอื่นใดวัชรเวศน์จึงเป็นคำตอบสุดท้ายที่จะจบปัญหานี้ได้ คุณอัมพรจึงได้เฝ้าแต่คิดถึงวันที่จะต้องออกจากคฤหาสน์ที่เป็นสิ่งเชิดหน้า ชูตาของเธอแล้วรู้สึกใจหายทำให้ความเกลียดชังนายวินและน้องทรายเพิ่มพูนขึ้นเต็มหัวใจหาความปราณีไม่ได้อีกแล้ว เวลาเดียวกันภาดาก็ไม่ละความพยายามที่จะหาคนมาซื้อวัชรเวศน์ต่อไป จนวันหนึ่งคุณอัมพรได้มารู้ความจริงจากนายวินว่า นายภูบาลหมั้นหมายน้องทรายด้วยอุบะเพชรเก่าแก่ของตระกูลที่มีมูลค่ามหาศาล ถ้าภาดาไม่แต่งงานกับน้องทรายอุบะเพชรของหมั้นก็จะตกเป็นของฝ่ายหญิงตามประเพณีไทย ความจริงแล้วอุบะเพชรเส้นนี้คุณอัมพรเคยสงสัยมานานแล้วว่านายภูบาลได้เก็บซ่อนไว้ที่ไหน เพราะเธอไม่เห็นมาหลายปีแล้ว จนกระทั่งนายภูบาลเสียชีวิตเธอก็ยังค้นหาไม่พบ เธอเพิ่งมารู้ความจริงจากนายวินนี้เอง และด้วยความเสียดายทั้งบ้านและอุบะเพชรทำให้คุณอัมพรเริ่มคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นในใจทันที แผนการชั่วร้ายนี้เริ่มต้นที่โฉมพิไลก่อน โดยคุณอัมพรเล่าเรื่องเพียงสัญญาพิสดารระหว่างเพื่อนรักสองคนคือนายภูบาลกับ นายวิน โดยเธอไม่เล่าเรื่องหนี้สินแต่อย่างใดทั้งสิ้นเพราะกลัวเสียหน้า และเมื่อโฉมพิไลฟังจบเธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกประหลาดในความคิดของเธอ แต่นั่นยังไม่เท่าไรเธอกลับตกใจสุดขีดเมื่อได้ฟังคำพูดสุดท้ายของคุณอัมพร คือคุณอัมพรขอให้ภาดาแต่งงานกับน้องทรายเพียงในนามเป็นระยะเวลา 1 ปี เมื่อนายวินตายแล้วคุณอัมพรก็จะให้ภาดาหย่าขาดกับน้องทรายทันที คำปฏิเสธของโฉมพิไลขาดหายไปทันทีเช่นกันเมื่อคุณอัมพรวางแหวนเพชรน้ำงามมูลค่าไม่ต่ำกว่าสองล้านบาทเป็นรางวัลหากเธอตกลง ความโลภไม่เข้าใครออกใคร โฉมพิไลยินยอมกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ของเธอเป็นเวลา 1 ปี ในที่สุดภาดาแต่งงานกับน้องทราย งานแต่งงานจัดอย่างเรียบง่ายที่สุด ภาดาไม่ต้องการให้โฉมพิไลเสียใจในการแต่งงานของเขาครั้งนี้ และในคืนวันส่งตัวน้องทรายขอร้องภาดาว่าในระหว่างที่เธออยู่ในฐานะภรรยาของภาดา เธอขอให้ภาดาให้เกียรติเธอโดยไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างเปิดเผยเพราะเธอไม่อยากให้ใครมาหัวเราะเยาะเธอ ภาดานิ่งอึ้งไปทันที ภาดาเริ่มสงสัยและคิดว่าน้องทรายรู้เรื่องโฉมพิไลแล้วหรือ แต่อีกความคิดหนึ่งคัดค้านเพราะทุกคนถูกสั่งอย่างเด็ดขาดให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ทำไมน้องทรายจึงขอเช่นนี้ อย่างไรก็ตามภาดาก็รับคำขอนั้น วันเวลาผ่านไปประมาณ 4 เดือนนับจากวันแต่งงาน น้องทรายแน่ใจแล้วว่าคุณอัมพรเกลียดชังเธอมากเพียงไร โดยดูได้จากการแสดงออกอย่างชัดเจนทั้งต่อหน้าและลับหลังโดยเฉพาะคำเรียกแทนชื่อเธอว่านังง่อยทุกครั้ง ซึ่งไม่เคยปิดบังในการถนอมน้ำใจของน้องทรายเลย รวมทั้งคนใช้ต้นห้องของคุณอัมพรด้วย และที่สำคัญคือสาวใช้ประจำตัวของโฉมพิไลชื่อปลั่ง มักทำหน้าที่สอดแนมความสัมพันธ์ระหว่างภาดากับน้องทรายโดยรายงานให้โฉมพิไลรู้ทุกระยะ และมีเพียงคนเดียวที่น้องทรายเริ่มคลางแคลงและไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของเขาคือภาดานั่นเอง เนื่องจากความนุ่มนวลอ่อนโยนที่เขาปฏิบัติต่อเธอ รวมทั้งสายตาห่วงใยที่คอยจับจ้องเธอและกิริยาท่าทีประคับประคองเอาใจใส่ต่อเธอ ทำให้น้องทรายพิศวง พร้อมกันนั้นเธอก็ต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเขาห่วงใยด้วยคุณธรรมประจำใจต่อผู้หญิงพิการเช่นเธอเท่านั้นไม่มีอะไรเป็นพิเศษแต่อย่างใดทั้งสิ้น ภาดาเท่านั้นที่รู้ดีว่าหัวใจของเขากำลังหวั่นไหวต่อความงามของน้องทราย ต่อความบริสุทธิ์ในจิตใจ และต่อความอ่อนหวานน่ารักของเธอ น้องทรายเป็นเด็กสาวที่งดงามทั้งกายและจิตใจ เธอไม่เคยแสดงกิริยาไม่พอใจหรือแง่งอนตามสิทธิของภรรยาเมื่อเขากลับบ้านดึก เธอรู้จากคำบอกเล่าของเขาว่าเขาทำงานพิเศษที่บริษัท ทั้งที่ความจริงคือเขาต้องไปหาโฉมพิไลทุกวัน ทั้งที่ในจิตส่วนลึกของจิตใจนั้นเขาไม่ยอมรับกับตนเองว่าเขาคิดถึงน้องทรายอยู่เสมอแม้จะอยู่ในขณะที่เขากำลังมีความรักใคร่กับโฉมพิไลก็ตาม รายชื่อนักแสดงนำ ภาดา อภิรักษ์ภูบาล รับบทโดย ธนพล นิ่มทัยสุข โฉมพิไล รับบทโดย ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ อำนาจ รับบทโดย ตระการ พันธุมเลิศรุจี วาลิกา หรือ น้องทราย รับบทโดย พีชยา วัฒนามนตรี ภูบาล รับบทโดย ตฤณ เศรษฐโชค

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ ละคร รักในม่านเมฆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook