ศาลตัดสินจำคุก จอยซ์-ทีเค 8 ปี

วันนี้ ( 29 ธ.ค. ) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษา คดีค้ายาเสพติด ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.พรพรรณ รัตนเมธานนท์ ( จอยซ์ ไทร์อัมคิงส์ดอม ) อายุ 24 ปี อดีตนักร้องสาวคู่ดูโอชื่อดังสังกัดค่าย เบเกอรี่มิวสิค นายจิตพัฒน์ หรือโต้ง สังฆสุวรรณ แฟนหนุ่มอายุ 25 ปี และนายนิมิตร เป็งศิริ อายุ 27 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2548 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่าเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2547 ชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.2 จับกุมผู้ค้ายาเสพติด 3 คนได้ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส ภายในปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถ.พหลโยธิน และที่ลานจอดรถชั้นสอง อาคาร ทีวีซี คอนโดมิเนียม ถ.ประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตสายไหม จากการสอบสวนขยายผล ผู้ต้องหารับว่า รับยาบ้ามาจากจำเลยที่ 1- 2 จึงวางแผนล่อซื้อยาบ้าจำนวน 300 เม็ด เมื่อจำเลยทั้งสองนำยาบ้ามาส่งที่ ซ.ยิ้มประกอบ 4 ถ.งามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จึงจับกุมดำเนินคดี จากนั้นตำรวจได้เข้าตรวจค้นที่บ้านของจำเลยที่ 2 พบ ยาบ้าอีก 3,740 เม็ด ซึ่งจำเลยที่ 1 - 2 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีในชั้นศาล ส่วนจำเลยที่ 3 ถูกจับกุมภายหลังและให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีส่วนในการสืบสวนสอบสวน เบิกความเป็นลำดับขั้นตอนสอดคล้องเชื่อมโยงกับคำเบิกความของพยานปากนายดำรงศักดิ์ หรือ อาร์ต ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีเสพยาบ้าที่ใหซัดทอด และเป็นผู้โทรศัพท์ไปสั่งซื้อยาบ้าจากจำเลยที่ 1-2 ทั้งโจทก์ยังมีเอกสารหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือของจำเลยทั้งสอง พบว่ามีการติดต่อซื้อขายยาบ้ากับนายอาร์ตจริง ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1-2 ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจแอบนำยาบ้าไปซุกซ่อนไว้ในห้องพัก และเข้าตรวจค้นในเวลากลางคืนโดยไม่มีหมายค้น อันเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า การเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำตามคำให้การของจำเลยที่ 2 ว่ายังมียาบ้าอยู่ที่บ้านพักอีกจำนวนหนึ่ง จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่าหากล่าช้า ของกลางอาจถูกยักย้าย การตรวจค้นจึงทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่ของกลางที่ตรวจพบนั้นซุกซ่อนไว้ในภาชนะตามสถานที่ต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งเป็นการยุ่งยากที่เจ้าหน้าที่จะกระทำ อีกทั้งการจับกุมในคดีนี้มาจากการสอบสวนขยายผลผู้ต้องหารายอื่นมาก่อน จึงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าทีจะปั้นแต่งข้อมูลเพื่อปรักปรำจำเลย คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ครอบครองยาบ้าที่ค้นพบในบ้านพักของจำเลยที่ 2 จำนวน 3,740 เม็ดด้วยหรือไม่ ศาลเห็นว่า มีเพียงยาบ้าจำนวน 140 ที่ใส่ในภาชนะพลาสติกวางอยู่อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น ส่วนยาบ้าที่เหลือซึ่งถูกซุกซ่อนเป็นอย่างดี นั้นโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานนำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนรู้เห็นหรือครอบครอง ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลยที่ 1 จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ครอบครองยาบ้าจำนวน 440 เม็ดเพื่อจำหน่าย ส่วนจำเลยที่ 3 โจทก์มีเพียงพยานให้การซัดทอด ไม่มีหลักฐานอื่นมาสนับสนุน จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอรับฟังได้ว่ามีส่วนร่วมกระทำผิด ยกประโยชน์แห่งควสัยให้ พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-2 กระทำ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 12 ปี ปรับ 5.1 แสนบาท ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุกตลอดชีวิต ปรับ 1.2 ล้านบาท คำให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 8 ปี แต่ให้นับโทษต่อจากคดีแดงที่ 3624/2547 ที่ศาลแขวงพระโขนงจำคุก 1 เดือน คดีขับรถขณะเมาสุรา รวมจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 8 ปี 1 เดือน ปรับ 3.4 แสน ส่วนจำเลยที่ 2 เหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน ปรับ 8 แสนบาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามกฎหมาย ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จอยซ์-ทีเค มีสีหน้ายิ้มแย้มแสดงความพอใจกับผลคำพิพากษาอย่างเห็นได้ชัด และพูดจาทักทายกับครอบครัวและเพื่อนฝูง โดยเฉพาะ น.ส.สุรัตนาวี สุวีพร ( โบ-ทีเค ) อดีตเพื่อนนักร้องวงไทร์อัมพ์คิงส์ดอม ที่มาร่วมให้กำลังใจ แต่ไม่มีใครยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย