ขอโทษนางเอก พ. แจงเหตุเข้าใจผิดแย่งผัว แฉเพื่อนเมียเมลใส่ร้าย

คุณแม่ลูกหนึ่ง และดาราสาวอักษรย่อ น้องพ. จากละคร น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ และคุณสามีตัวต้นเหตุ รุดชี้แจงข้อเท็จจริงกับทางสยามดารา ถึงกรณีที่มีข่าวฉาวว่าคุณแม่ลูกหนึ่งส่งเมลฟ้องสื่อ ดาราสาวละคร น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ สุดหน้าด้านฉกผัวไป จนลูกต้องกำพร้าพ่อ ว่าเป็นการกระทำของมือที่ 4 ที่ปล่อยข่าวจนทำให้เกิดเรื่องยุ่งเหยิง ยืนยันข่าวที่ออกมาไม่ได้เป็นความจริง หากแต่เป็นการเข้าใจผิดมากกว่า ไม่อยากให้เรื่องบานปลายมากไปกว่านี้ วอนทุกคนโปรดเข้าใจ ...ในเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนทางบรอดคาซท์ฯ รับทราบเรื่องราวความเข้าใจผิดดังกล่าวแล้ว ส่วนจะเป็นอย่างไรรอฟังบอสใหญ่ คุณหน่อง-อรุโณชา ตัดสินใจ จากกรณีที่เกิดเป็นข่าวออกมาว่า เมื่อไม่นานมานี้ทางคุณแม่ลูกหนึ่งส่งเมลฟ้องสื่อ ดาราสาวละคร น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ชื่อย่อ พ. แย่งเอาสามีไปแบบหน้าตาเฉย ทำให้ลูกของเธอต้องกำพร้าพ่อ เผยช่วงแรกยากทำใจต้องนอนร่ำไห้ทุกวัน แต่ตอนนี้ทำใจได้แล้ว ขออโหสิกรรมให้ทั้งหมด ตามที่ทางสยามดาราได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น น้อง พ. ดาราสาวที่โชคร้าย ตลอดจนคุณแม่ลูกหนึ่งผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นคนเมลฟ้องสื่อฯ - สามีผู้ตกเป็นชนวนทำให้เกิดข่าว และคุณพ่อของดาราสาวได้เปิดใจกับทางสยามดาราแล้ว ซึ่งก็มีข้อเท็จจริงดังนี้ โดยเราจะเริ่มจาก น้องพ. (นักแสดงสาวผู้ตกเป็นข่าวฉาว) ความรู้สึกกับข่าวที่ออกมา ''พูดไม่ออก สถานการณ์ในครอบครัวดีค่ะ กับพ่อ แม่ น้อง สนิทกันอยู่แล้ว มีเรื่องคุยกับพ่อแม่ รับทราบเรื่องเข้าใจ ตลอดเวลาพ่อเตือนตลอด จะทำอะไรระมัดระวังนะ คนมองในมุมต่างกัน ทำอะไรระวังนะ อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดและก่อนหน้าที่จะมีเรื่องทางหนูกับทางพี่ น. เคลียร์กันไปประมาณช่วงเดือนที่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีอะไร คุยกันปกติ คือทางหนู พี่น. (หมายถึงภรรยา) พี่บ. (หมายถึงผู้ชายที่ตกเป็นข่าวนอกใจเมีย) คุยกันจบไปแล้ว เกิดจากมือที่ 4 เพื่อนพี่เขาโมโห เลยฟอร์เวิร์ดเมลออกมาค่ะ'' ทราบเรื่องจากไหน ''มีคนโทร.มาบอก เห็นเมล เห็นในเว็บไซต์ เอ้า...เหรอ หนูเข้าไปดูฟอร์เวิร์ดเมล ถ้อยคำแรงมากๆ เห็นฟอร์เวิร์ดเมลตอนแรกไม่กระจาย เพิ่งกระจายเมื่อไม่กี่วัน หนูไม่สามารถทำอะไรได้ หนูปล่อยอย่างเดียว หนูพยายามมองโลกในแง่ดี คนเราอย่ามองในส่วนที่ไม่ดี หนูอาจมีเลว 10 แต่คนอาจจะเลือกมองในส่วนที่ดี หนูอยากให้คนมองว่าคนเรามีมิติ เรื่องนี้สะเทือนใจมาก (น้ำเสียงเศร้าใจสุดๆ) ตอนนี้แก้อะไรไม่ได้แล้ว หนูไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่อง ถ้ามี 10 หนูผิด 7-8 แล้วค่ะพี่'' แล้วจะอย่างไรต่อไป ''หนูยอมรับกับผลกระทบ เป็นห่วงพ่อแม่ คอยตอบคำถามทุกอย่าง การที่หนูก้าวเข้าไป แล้วคนมองว่าจริงหรือไม่จริง หนูแก้ไม่ได้ ข่าวที่ถูกปล่อยออกไปแล้ว คนตัดสินเราไปแล้ว ไม่รู้ว่าบวกหรือลบ จะให้บอกว่าจริงหรือไม่จริง โลกมีมิติ มีหลายมุมให้คนได้มองคนมองได้ทั้งแง่ดีและลบ มีทั้งจริงไม่จริง'' คุยกับทางผู้ใหญ่หรือยัง ''ผู้ใหญ่ยังไม่ได้คุย รอให้ทางผู้ใหญ่เรียกเข้าประชุมกัน ถ้ามีอะไรจะแจ้งให้ทราบ เขาต้องถามข้อเท็จจริงอยู่แล้วค่ะ'' ถามถึงพี่บ. นิดหนึ่ง ''รู้จักพี่บ. ในสายงานเดียวกัน สนิทกัน เป็นพี่น้อง พี่เขามีลูกป่วยเป็นธาลัสซีเมีย โรคเลือด เขาเห็นว่าหนูสอนเต้นเด็ก พี่เขาปรึกษา เราทำงานด้วยกัน อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิด แต่พอเคลียร์แล้วไม่ได้มีปัญหา เกิดจากมือที่ 4 พี่บ. กับพี่ น. ออกมาคุยในส่วนความรับผิดชอบ ส่วนเรื่องที่หนูโทร.หาพี่เค้าคุยกันปกติ เรื่องลูก คุยกันไม่มีปัญหาอย่างที่เป็นข่าว เขาสามารถเขียนทุกอย่างที่ทำให้เกิดภาพลบ เขาอาจจะไม่รู้ความจริงค่ะ'' แล้วจะอย่างไรต่อไป ''หนูมีมุมมองมากกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน เราต้องรับผิดชอบ ต้องมาเจอแบบนี้ ถ้าผ่านตรงนี้หนูมีประสบการณ์ ไม่ว่าผิดหรือถูกเป็นครู ตอนนี้ถอยออกมาหนูเคลียร์แล้วเราสบายใจทั้ง 3 ฝ่ายคุยกันน้อยลง มีธุระ เลยกลายเป็นว่าเรามีเพื่อนเพิ่มขึ้น ร่วมกันแก้ปัญหา หนูเป็นเหยื่อแล้วต้องทำชีวิตในอนาคตให้ดี ตรงนี้ไม่ได้ขอให้ทุกคนเชื่อ อยากให้ทุกคนมองให้มีมิติ หลายมุมกับเขาไม่ได้มีปัญหา เพราะไม่คิดว่าพี่ น. (หมายถึงภรรยาเจ้าของฟอร์เวิร์ดเมล) จะออกมาทำอย่างนี้อยู่แล้ว เราได้คุยก่อนหน้านี้ พี่ทั้งสอง เป็นพี่คนหนึ่งที่เราเคารพ ไม่คิดว่าเราเป็นแบบนี้ มีข่าวโทร.ไปว่ามีเรื่องแบบนี้ เราก็หาทางช่วยแก้ไข หนูแก้อะไรไม่ได้ หนูยังต้องมีอนาคต ถ้าหนูเจอไม่ใช่เรื่องจริง พยายามคิดให้หลายๆ มุม เราไม่ได้คิดอะไร แต่พอมีเรื่องขึ้นมา ทำให้เปิดตามากขึ้น ทำอะไรอยากให้เรามีสติ มองถึงผลหลายแง่มุมค่ะ'' คำชี้แจงจากคุณแม่ลูกหนึ่ง (ผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นผู้ร้องทุกข์) ความรู้สึกกับข่าว ''ทราบว่ามีข่าวออกมา อยากโทร.มาชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามฟอว์เวิร์ดเมล รู้สึกตกใจมากๆ'' แล้วความจริงล่ะ ใครเป็นคนเขียนและฟอร์เวิร์ดเมลดังกล่าว ''เรื่องจริงก็คือแฟนคุยกับน้องเรื่องลูกที่ป่วยเป็นธาลัสซีเมีย เพื่อนเอารูปในงานวันเกิดไปโพสต์ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เป็นวันเกิดที่น้องน. จัดให้กับคุณพ่อและสามี ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ยอมรับอาจจะเป็นเพื่อนที่หวังดีเกินไป อาจจะเป็นคนฟอว์เวิร์ดเมลดังกล่าว และมีการเขียนเพิ่มเติม ตอนนี้เลิกคบกับเพื่อนคนนั้นไปแล้ว และขอยืนยันเลยว่าไม่ได้เป็นคนเขียนเมลดังกล่าว และเรื่องที่ออกมาไม่ได้เป็นจริงแต่อย่างไร'' แนวทางแก้ไขต่อไป ''ได้โทร.ไปคุยไปขอโทษกับทางน้องเขา และได้เข้าไปเขียนแก้ข่าวให้ในเว็บไซต์ดังกล่าว และขอลบเว็บอันเดิมแล้ว ยอมรับอ่านแล้วแรงมากๆ สงสารน้องเขา ไม่ได้มีเรื่องอย่างที่มีฟอร์เวิร์ดแต่อย่างไร เป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า และอยากจะเคลียร์เรื่องดังกล่าวให้ทุกคนเข้าใจด้วย เข้าใจว่าน้องเขาได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ซึ่งไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย'' ถ้าคนมองว่าการที่ออกมาแก้ไข เปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการสร้างภาพว่าเป็นแม่พระล่ะ ''ถ้าคนมองว่าสร้างภาพ แม่พระ ไม่หรอกค่ะ อยากทำอะไรให้ถูกต้องมากกว่า เพราะเข้าใจว่าเรื่องที่ออกมารุนแรงมากต่อตัวของน้องเขาเอง เข้าใจและเห็นใจเขามากๆ'' ความสัมพันธ์กับสามีและ น้อง น. ''ทุกวันนี้กับสามียังรักกันดี ส่วนน้องน. เองช่วงหลังได้คุยกันมากขึ้น เขาเป็นเหมือนน้องคนหนึ่งค่ะ'' คุณ บ. (ผู้ชายในข่าว และเป็นพ่อของลูก ) ความรู้สึกภายหลังจากที่มีข่าวคราวต่างๆ ออกมา ''สงสารน้อง และในขณะเดียวกันก็สงสารลูกสาวด้วย ยอมรับว่าเคยร่วมงาน เคยคุยกันเป็นเรื่องของลูก เรื่องเด็กเพราะผมรู้ว่าว่าเค้าสอนเต้น ผมมีลูกประมาณ 1 ขวบกว่ามีปัญหาป่วยเป็นโรคเลือด เป็นแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะเห็นเค้าโตกว่าเด็กวัยรุ่น ไปๆ มาๆ ไม่รู้ว่าเกิดเป็นเรื่อง คนคิดเป็นไปได้ น้อง-ผม อายุห่างกัน น้องก็รู้ว่าเรามีครอบครัว เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่คุยกันครับ และผมกับครอบครัวไม่ได้มีระหองระแหง คนมีลูกต้องเห่อลูก ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรแบบนั้น และไม่เคยใช้วิธีการแบบเป็นเหตุผลในการไปคบใคร ผมมองว่าเป็นวิธีการปัญญาอ่อน และด้วยสภาพน้องคงมีตัวเลือกที่ดีกว่าด้วยครับ'' วินาทีแรกที่รู้ว่ามีข่าวแบบนี้ ''มีคนโทร.มาบอก โอเคกลับบ้านลองเปิดดู ตกใจมาก ดูแรงมาก ผมโทร.คุยกับภรรยาก่อนเลย มันมีเรื่องแบบนี้อย่างไร มีคนเข้าใจผิดหรือเปล่า เค้าเองทำหรือเปล่า แต่คิดว่าเขาไม่มีจำเป็นต้องทำขนาดนั้น ฝั่งน้องพ.คงไม่น่าใช้วิธีการนี้หรอก ตอนนั้นผมนึกไม่ออกเหมือนกัน แต่ได้คุย ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ผมไม่ได้คิดว่าจะแก้ ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าใครเป็นคนทำ ผมตกใจ ไม่เคยเจอกับข่าวแบบนี้ แล้วโทร.หาน้องพ. ถามเขาว่ามันมีข่าว ถามว่าเกิดอะไรอย่างไร'' ผลกระทบภายหลังจากที่มีการฟอว์เวิร์ดและมีข่าวออกมา ''ผลกระทบ คนรู้จักค่อนข้างเยอะ ถามต่อๆ มา ว่ารู้หรือยัง ซึ่งมีด้วยกัน 2 กลุ่ม รู้ว่าผมทำงานกับน้อง และคนที่ไม่รู้ว่าผมรู้จักกับน้อง ผมไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร'' ตอนนี้ห่วงอะไร ''ผมห่วงลูกสาวกับน้องเค้า ตัวผมไม่ได้มีผลกับตัวเอง น้องเขาคงเดือดร้อน แล้วลูกสาวผมอีก ถ้าเกิดลูกสาวผมเข้าโรงเรียนคงมีเพื่อนครูมาถาม เวลาไปโรงเรียนเขาเด็กเกินไปจะทำอย่างไร ตอนนี้ไม่รู้จะอธิบายคนที่ไม่รู้อย่างไร และเขาคงไม่อยากมานั่งฟังผมอธิบายด้วย ไม่รู้จะอธิบาย (น้ำเสียงหนักใจ ซีเรียสมาก)'' ความรู้สึกที่มีต่อน้อง พ. ''บอกเลยว่า น้องคือเด็กกะโปโลคนหนึ่งเลยเท่านั้นครับ และเขาเป็นน้องไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้'' แล้วความสัมพันธ์กับภรรยาล่ะ ''ยังคุยกันบ้าง เริ่มคุยกันเยอะ จะแก้อย่างไรกันดี ไม่รู้ขั้นตอนว่าต้องทำอย่างไรบ้าง คุยกันมากขึ้นมันอาจจะมีอะไรนิดหนึ่งที่เขาไม่สบายใจ พยายามจะบอกมากขึ้น พอมีข่าวแบบนี้ผมต้องถอยหลัง เพราะผมคิดว่าบางเรื่องที่ผมไม่มีอะไรมันอาจจะมีอะไร'' คำชี้แจงจากคุณพ่อน้อง พ. (ดาราสาวผู้ตกเป็นข่าว) อยากให้คุณพ่อเปิดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ''ผมสนิทกับลูกสาวมากๆ และคุยกันได้ทุกเรื่อง เขาเล่าให้ฟัง ผมดูแลเขาทุกอย่าง ทุกวันนี้ยังถักเปียให้เขา ดูแลทุกอย่างไม่ปล่อยให้เขาไปไหน แต่มีบางทีเขาขอ ผมจะให้เขาไป บางทีผมไปด้วย ไม่ได้ปิดกั้น และในขณะเดียวกันผมเคารพการตัดสินใจของเขาด้วย และในขณะเดียวกันจะเตือนเขา อย่างเรื่องนี้น้องเขารู้จักกับคุณ บ. เพราะว่าเขาทำงานที่เดียวกัน และด้วยความที่น้องโตทางด้านความคิด ได้คลุกคลีกับเด็กๆ และทางคุณบ. เองเค้ามีปัญหาเพราะลูกเขามีปัญหาในเรื่องของโรคเลือดเลยมาปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิด มุมมอง เขามีการโทร.คุยก็มีบ้าง น้องเป็นผู้ใหญ่ อาจจะเป็นเพราะในวัยนี้น้องทำงานหลายอย่างทั้งเล่นละคร, จัดรายการวิทยุเพื่อสังคม, เป็นครูสอนเต้น เลยทำให้ความคิดเขาค่อนข้างที่จะโตกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เขามีเพื่อนในวัยเดียวกันน้อย เค้าบอกผมทุกวันหนูรักพ่อ เค้าโตแต่เขายังนอนหนุนตัก บางทีผมลำบากใจนะ เพราะเขาโตแล้ว กลัวคนที่ไม่รู้เขาจะมองในแง่ไม่ดี โดยที่น้องเขาไม่ได้คิดหรอกว่าจะมีคนมองเขาในแง่นี้'' เรื่องนี้ได้โทร.คุยกับทางสามีคุณน. และคุณน. แล้ว ''ก่อนหน้านี้ผมคุยกับลูก ก่อนที่จะเกิดเรื่องว่าระวังนะจะมีอะไรหลุดออกมา ผมสอนลูกอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด ผมไม่โอ๋ ผมตีซ้ำ แล้วให้จำ ถ้ามีอะไรต้องถามตัวเองว่า ใครผิดใครถูก ใครทำอะไรบ้าง เราต้องระมัดระวังตัว โดยเฉพาะลูกต้องระวังให้มาก ผมทำงานสื่อฯ พี่ชายผมเคยมีปัญหากับสื่อฯ โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย สิ่งที่ลูกทำลงไปทุกอย่างมันจะเป็นบทเรียน ผมเคยเตือนสติ บอกว่าพ่อเคยเตือนแล้วนะ ส่วนผลกระทบที่ออกมาผมไม่รู้ว่าทางค่ายฯ จะลงโทษอย่างไร และผมเสียใจอยู่อย่างหนึ่งคือคนที่ปล่อยข่าวออกไป อยากจะบอกว่าผมได้รับผลกระทบเยอะมาก ทางคุณบ. สามี เขาขอโทษผม บอกว่าผมไม่ได้มีอะไรเลย ผมไม่ได้ตำหนิ ลูกผมโทร.ไปแล้วอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด คุณบ. เขาอาจจะคิดว่าไม่ต้องคุย ไม่ต้องเคลียร์หรือไม่บอกแฟนเขาเพราะกลัวแฟนว่า เลยกลายเป็นว่าจากที่ไม่มีอะไรก็เลยมี ของอย่างนี้มันต้องชัดเจน สำหรับผมแล้ว ไม่ได้โทษใครเลย อย่างน้องน. เวลาที่เขามีปัญหาเขาต้องมีที่ระบาย ผมในฐานะที่เป็นพ่อ ผมเล่าด้วยความสัตย์จริง ไม่รู้ว่าน้องเขาจะโดนสังคมลงโทษอย่างไรบ้าง เราคิดว่าเราเข้าใจ ไม่ต้องบอกอะไรบ้าง ถ้าเราผิดจริงผมไม่เข้าข้างลูกหรอก ยอมรับว่าเครียดนะสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่บอกได้เลยว่า น้องเขาไม่มีอะไรจริงๆ เขายังเด็กมากๆ อนาคตของเขายังอีกยาวไกล เขาทำงานเยอะมากครับ'' นอกจากนี้แล้ว ทางสยามดาราได้ติดต่อไปยังผู้ใหญ่ของค่ายดัง ''บรอดคาซท์ฯ'' ซึ่งเป็นต้นสังกัดของดาราสาว ได้รับการเปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวภายหลังจากที่ได้มีการสอบถามไปที่ดาราสาวแล้ว ได้รับการชี้แจงว่าข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า ''เราได้สอบถามน้องเขาไปแล้ว ทางน้องเขาบอกว่าไม่มีอะไรกัน เป็นเรื่องเข้าใจผิด ซึ่งทางคุณพ่อของน้องเขาแจ้งว่าตอนนี้ทางภรรยาของผู้ชายได้โทร.ขอโทษ และบอกเล่าว่าเรื่องดังกล่าวมาจากน้ำมือของผู้ที่หวังดีแต่ประสงค์ร้าย หรือเป็นการแกล้งกันอะไรสักอย่าง ถ้าความจริงเป็นอย่างนี้คงยังบอกอะไรไม่ได้ ส่วนบทสรุปอยู่ที่พี่หน่อง(อรุโณชา ภาณุพันธ์) ค่ะ'' ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก