แน็ค-ชาลี ไตรรัตน์

แน็ค-ชาลี ไตรรัตน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จากบทของ เจี๊ยบ เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่วิ่งตามเด็กผู้หญิงที่ชื่อ น้อยหน่า น้ำตานองหน้าเพื่อเอาหนังยางเชื่อมมิตรภาพคืน ในภาพยนตร์ แฟนฉัน และแจ้งเกิดชื่อของ แน็ค-ชาลี ไตรรัตน์ ให้โลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์มได้อย่างสง่างาม เวลาผ่านไป 4 ปีเด็กน้อยวัย 9 ขวบได้เติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาคมคาย พร้อมกับมีผลงานหนังให้ได้ชมอย่างต่อเนื่อง แถมมีรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ประจำปี 2549 สาขาผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ การันตี พ่วงกับรางวัลดารานักแสดงดาวรุ่งที่น่าจับตามองในระดับเอเชีย จากงาน สตาร์ ซัมมิท เอเชีย ของปูซาน ฟิล์ม เฟสติวัล เข้าอีก น่าสนใจขนาดนี้คงจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ต้องจับหนุ่มน้อยอนาคตไกลคนนี้มาคุยกันหน่อยว่าวันนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ผลงานตอนนี้? งานหนังมีอีก 2 เรื่องคงจะได้ฉายประมาณปี 2551 เรื่องแรกจะถ่ายทำประมาณปิดเทอมใหญ่ เป็นหนังของพี่ย้ง ( ทรงยศ สุขมากอนันต์ ) น่าจะได้ถ่ายทำประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คิดว่าคงจะได้ถ่ายทำกันประมาณเดือนตุลาคม ของพี่สิน ( ยงยุทธ ทองกองทุน ) ยังไม่ได้อ่านบทเลย แต่ได้ยินว่าบทก็จะออกเป็นวัยรุ่นๆ แล้ว เซ็นสัญญากับทางจีทีเอชหรือเปล่า? ที่จริงผมไม่ได้เซ็นสัญญากับที่ไหนเลย แต่ที่ร่วมงานกับจีทีเอชมากที่สุดเพราะว่าไว้ใจ ผมรู้จักกับคนที่นี่เยอะ สนิทกับพี่ๆ ที่นี่ อย่างกับพี่ย้งนี่สนิทสุดเลยก็ว่าได้ เพราะรู้จักพี่เขามาตั้งแต่ผมเล่น แฟนฉัน ตอนนั้นอายุ 9 ขวบจนตอนนี้ผมอายุ 13-14 ปีแล้ว เขาเหมือนเป็นพี่ชายมีอะไรก็คุยกับเขาได้ บางทีรู้กันอยู่สองคน ส่วนใหญ่มีแต่งานหนังจะมีงานละครให้เห็นอีกไหม? ถ้าเป็นตอนนี้คงไม่มี เพราะเขาบอกว่างานหนังจะดีกว่าละคร ใช้เวลาไม่เยอะเท่า มันทำให้ต้องหยุดเรียนบ่อยๆ จริงๆ ก็อยากหยุดเรียนนะ ( หัวเราะ ) แต่มันไม่ได้ เพราะโรงเรียนก็ช่วยมาเยอะแล้ว หยุดบ่อยๆ ไม่ดี มองว่าตัวเองมีการพัฒนาเรื่องการแสดงอย่างไรบ้างนับตั้งแต่เรื่อง แฟนฉัน? ผมไม่ได้มองมากกว่า แต่ส่วนใหญ่คนภายนอกที่เขาดูเรื่อง แฟนฉัน แล้วมาดู เด็กหอ เขาจะบอกว่า อืม...แน็คเล่นดีขึ้นนะ เล่นเก่งขึ้น แต่ตัวผมไม่เคยได้ย้อนกลับไปดูเลย ( ยิ้มเขินๆ ) ผมเองไม่รู้ว่าตัวเองเล่นดีขึ้นไหม แต่น่าจะใช่เพราะตอนนั้นผมยังเด็ก แต่พอมาเด็กหอผมโตขึ้น ก็ทำเต็มที่มากขึ้นเข้าใจการทำงานมากขึ้นมากกว่า ความเป็นส่วนตัวหายไปมั้ย? อันนั้นมันไม่มากหรอก บางคนก็อยากให้คนจำได้ แล้วแต่สถานที่ที่เราไปมากกว่า ผมไปก็มีบ้างที่คนมาถ่ายรูป แต่ถ้าถามว่าอึดอัดมั้ย...ก็แล้วแต่อารมณ์ ถ้าอยู่กับเพื่อนเพื่อนก็จะบอกว่าอะไรของแกวะ ผมไม่ได้เกรงใจเพื่อนหรอกแค่อยากเป็นส่วนตัวมากกว่า ความรู้สึกที่ได้รับรางวัลพระสุรัสวดี? ความรู้สึกดีใจเป็นอย่างแรกเลย เพราะก่อนขึ้นคิดว่าคงไม่ได้หรอก แต่พอได้ก็ดีใจ ตอนนั้นก็มีผู้เข้าชิงเป็นพี่น้อย-วงพรู, พี่ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง แต่พอผมได้ก็คิดเหมือนกันว่าถ้าเราได้มันจะดีเหรอ เพราะได้มาก็มีคนทักเหมือนกันว่า เอ๊ย...เร็วไปเปล่า มีบ้างที่กลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ผมไม่ได้สนใจว่ครจะว่าหรือไม่ว่า เพราะบางทีคนอื่นได้มาก็อาจจะโดนเหมือนผมก็ได้ ก็ปล่อยไปสบายๆ ดีกว่า แล้วกับรางวัลที่รับจากที่ปูซานล่ะ? อันนี้ได้จากเรื่อง เด็กหอ ตื่นเต้นมากตอนขึ้นไปรับรางวัล แต่ถ้าถามว่าอันไหนที่รู้สึกดีใจมากกว่ากัน ก็คงเป็นที่เมืองไทย แต่ถ้าตื่นเต้นมากสุดก็ตอนรับรางวัลที่ปูซาน เพราะว่าเราไม่รู้จักใครเลย พูดกับใครไม่รู้เรื่องเลย เขาไม่รู้จักเรา ก็อาย...ว่าเรามาทำไม มายุ่งกับเขาทำไม เคล็ดลับในการแสดง? ผมก็เล่นไปเต็มที่ของผมเลย การแสดงไม่ได้เรียน ส่วนใหญ่ไม่ต้องถึงขั้นไปเรียน แต่จะเป็นการให้นักแสดงที่จะต้องเล่นด้วยกัน มารวมกันแล้วลองเล่นด้วยกัน ก็จะมี ครูแอ๋ว-อรชุมา ยุทธวงศ์ สอน เขาก็ให้พยายามจำ ฝึกแอ็คติ้ง ส่วนฉากร้องไห้ผมก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะบางทีก็มีเทคนิคมาช่วย เช่น ยาหม่อง ที่จริงผมก็ร้องได้นะ แต่ไม่อยากร้องอายเขา ถึงแม้มันจะเป็นการแสดงแต่ก็คิดว่ามันน่าอาย สัมผัสวงการบันเทิงตั้งแต่เด็กเป็นอย่างไรบ้าง? ตอนเด็กๆ ก็มีงอแงบ้างตามประสาเด็ก แต่ตอนนี้ก็ต้องดูก่อนว่าเขาโกงเวลามั้ย ถ้าเขาโกงเวลาก็มีงอแงบ้างเล็กน้อย โตขึ้นถามว่าการทำงานง่ายขึ้นมั้ย...มันก็แล้วแต่กอง เพราะว่าถ้าเราไม่รู้จักเลยเราก็จะไม่เข้าใจวิธีการทำงานของเขา เหมือนกองที่เราสนิทอยู่แล้ว ถ้าถามเรื่องข้อดีข้อเสีย ผมว่าแล้วแต่คนมากกว่า ข้อเสียคือทำให้เราต้องหยุดเรียนมากขึ้น อย่างบางคนพ่อแม่อยากให้เป็นดารา แต่พ่อแม่ผมไม่บังคับว่างานนี้ต้องไปนะ แต่บางคนก็ไม่รู้ว่าเขาโดนพ่อแม่บังคับมั้ย เต็มใจมั้ย บางคนอาจจะไม่อยากเป็นก็ต้องทำ แต่สำหรับผมข้อเสียก็ไม่ค่อยมีอะไร พ่อแม่จะถามก่อนตลอดว่าอยากเล่นมั้ย นักแสดงเป็นอาชีพในฝันของแน็คหรือเปล่า? จริงๆ แล้วผมเล่นหนังตั้งแต่เด็กคือเรื่อง กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อเช้านี้ ตอน 1 ขวบ แต่พอจะไปต่อพ่อก็ไม่อยากให้รับแล้ว จนมาป.4 ก็เริ่มให้ลองดู เพราะพ่ออยากจะให้ผมเรียนมากกว่า ตัวผมเองก็ไม่เคยคิดว่าอยากเข้ามา แค่คิดว่าถ้าหนังได้ฉายก็ดีใจแล้ว เวลามีคนถามว่าเล่นเรื่องนี้เหรอผมยังไม่ค่อยตอบเลย จริงๆ แล้วแน็คฝันอยากเป็นอะไร? ผมอยากเป็นนักแข่งรถหรือไม่ก็นักบิน เพราะอย่างนักบินผมเล่นเต็มที่ ตอนนี้ก็คือเครื่องบินบังคับ จะว่าชอบความเร็วก็ว่าได้ เพราะตอนเด็กก็แข่งรถพวกวิบาก ส่วนว่าจะไปตามความฝันของตัวเองมั้ยก็คงเรื่อยๆมากกว่า อย่างตอนนี้ผมอยากได้มอเตอร์ไซค์เอาไว้ขี่มาก มันเจ๋งดี ตอนนี้เป้าหมายก็ไม่เปลี่ยนนะ ตอนนี้ผมมีคนรู้จักเยอะ ผมก็ยังไปแข่งมอเตอร์ไซค์เหมือนเดิม ที่บ้านห่วงขนาดมั้ยเริ่มโตเป็นวัยรุ่นแล้ว? ส่วนใหญ่เขาจะห่วงเรื่องติดยามากกว่า เรื่องอื่นไม่ค่อยห่วง อย่างเรื่องติดเกมผมก็ไม่ค่อยติดอยู่แล้ว แต่เขาคงกลัวว่าเราจะไปติดยาตามคนอื่น เริ่มมีข่าวกับสาวๆ แล้วนะ? ก็เริ่มมี อย่างล่าสุดก็มีข่าวลงว่าแน็คช่วยพ่อแม่แฟนขายของ มีรูปลงด้วย แต่คนนี้ไม่ใช่แฟนนะ ตอนนี้ผมสบายๆ เป็นตัวของตัวเอง หยุดก็ไปตกปลา ไปเล่นกับเพื่อน อึดอัดมั้ยมีข่าวมากขึ้น? ไม่นะ เพราะบางทีก็มีไม่จริงมั่ง บางทีก็ลงรูปผมกับพี่สาวขึ้นหน้าหนึ่งควงกันเลย ทั้งที่เป็นพี่ผม แล้วก็มีเดินกับคนที่รู้จัก คือผมเดินกับน้องชายเขาแต่พี่เขาไปด้วยก็หาว่าผมเอาน้องเขาบัง ผมไม่เครียดแต่ผู้หญิงเขาเครียดมากกว่า เพราะที่บ้านเขาไม่ได้ว่าหรอก แต่มันมีชื่อโรงเรียนติดอยู่ โรงเรียนเขาจะว่าเอา ผมไม่ได้กลัวคนมองผมไม่ดีเพราะผมไม่ได้ผิดอะไร ถูกมองมีโลกส่วนตัวสูงตั้งแต่ตอนนี้เลย? เมื่อก่อนผมโดนด่าเยอะว่าไม่ค่อยคุยกับใคร แต่ผมก็เฉยๆ เพราะบางทีก็อยู่กับตัวเองทั้งวันได้ อยู่กับตู้ปลาทั้งวันได้ เราก็พยายามสนใจสิ่งรอบข้างมากขึ้น แต่ก็มีบ้างที่บางคนจะเข้าใจผิด คนที่เขาไม่รู้จักเราเขาก็จะมองว่าหยิ่งอย่าไปยุ่งกับมันเลย แต่ถ้าเขารู้จักเราก็จะรู้ว่าเราเป็นคนยังไง ถ้าโดนด่าหยิ่งผมเฉยๆ เพราะต้องดูอารมณ์ตอนนั้นหงุดหงิดอยู่หรือเปล่า ถ้าโดนด่าก็ไม่ต้องสนใจ แต่ถ้ามีคนมาบอกว่าไปเล่นหนังเขาแล้วทำให้หนังเขาเจ๊งอย่างนี้โดนแน่ ( หัวเราะ ) เพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่เพราะเราเราทำเต็มที่แล้ว ดังตั้งแต่เด็กมีช่วงเหลิงบ้างมั้ย? มีทุกคนแหละ มีเป็นช่วงๆ บางคนอาจจะมีตลอด แต่คงไม่ใช่หลงตัวเอง แต่ผมจะเป็นแนวอยากให้คนจำได้ อยากให้คนมองมากกว่า แต่ผมจะไม่ชอบเวลาที่บางคนใช้ความเป็นดาราเอาเปรียบคนอื่น เช่นว่า ไปงานเขามีต่อแถวคนนี้เขาจะวิ่งไปข้างหน้าเลยว่าหนูต้องได้ก่อน ผมดูแล้วรู้สึกน่าเกลียด ทำแบบนี้ไม่ได้นะเราต้องต่อแถว รุ่นน้องที่โรงเรียนมองแน็คเป็นฮีโร่หรือเปล่า? ถ้าอยู่โรงเรียนผมก็พยายามทำตัวให้ดีที่สุด เพราะบางทีเด็กก็ทำตามแล้วบอกว่าดูตัวอย่างพี่แน็คมา เช่น ผมไว้ผมยาว เขาก็จะบอกว่า ทำไมพี่แน็คไว้ได้แล้วเขาไว้ไม่ได้ หรืออย่างแต่งตัวเด็กก็จะเลียนแบบ ถ้าแต่งตัวไม่ดีแล้วเด็กเลียนแบบ ถ้ามีคนถามว่าเอามาจากใคร แล้วเขาบอกว่าจำมาจากพี่แน็คก็ไม่ดีอีก ผมก็ต้องพยายามรักษาภาพลักษณ์เหมือนกัน สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ แน็ค-ชาลี ไตรรัตน์

แน็ค-ชาลี ไตรรัตน์
แน็ค-ชาลี ไตรรัตน์
แน็ค-ชาลี ไตรรัตน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook