(หนัง)ผีครองเมือง เพราะต่างชาติก็ใช่ คนไทยก็ชอบ

(หนัง)ผีครองเมือง เพราะต่างชาติก็ใช่ คนไทยก็ชอบ

(หนัง)ผีครองเมือง เพราะต่างชาติก็ใช่ คนไทยก็ชอบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตี3 3dตี3 3d

ว่ากันว่าตอนนี้ "หนังไทย" กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งไปขายเมืองนอกทีไรเป็นอันต้องกวาดรายได้มาเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะประเภทหนังผี ที่ไม่ว่าฟอร์มเล็กหรือใหญ่ก็ขายได้แบบไม่มีขาดทุน จนผู้สร้างเดินหน้าผลิตกันเพียบ เพียบขนาดที่ว่าอย่างน้อยๆ ทุกค่ายก็ต้องมีให้เห็นกัน 1 เรื่องต่อปี

 

"ความตื่นเต้น ความกลัว เป็นภาษาสากลของคนทั่วโลก" เกียรติกมล เอี่ยมพึ่งพร บอสของ "ไฟว์สตาร์" ที่ตอนนี้กำลังทำหนังผี "ตี 3" บอกถึงเหตุแห่งที่มาดังว่า

 

ไม่เหมือนเรื่องรักที่ขายยากกว่า เรื่องตลกก็เป็นเรื่อง "เฉพาะที่" เพราะมุขนี้อาจฮาในบ้านเรา แต่บ้านเขาแป้กสนิท ดังนั้นถ้าทำได้ไม่ถึงแบบ "ชาร์ลี แชปลิน" ที่ฮาแบบไม่ต้องอาศัยเสียงพูด ก็อย่าดีกว่า

 

ส่วนหนังบู๊น่ะก็ต้องทุ่มโปรดักชั่นให้ถึง ดังนั้น ค่ายหนังไม่ว่าค่ายไหน ในหรือนอกประเทศ นอกจากหนังบู๊แล้ว ก็มีหนังผีนี่แหละที่ใช้สู้กันในตลาดโลก อย่าง "407 เที่ยวบินผี" ที่ลงทุนทำเป็น 3 มิติ แม้ผลตอบรับในบ้านเราจะไม่ดีนัก แต่ก็ขายได้ถึง 17 ประเทศ แถมราคาก็ดีด้วย

 407 เที่ยวบินผี407 เที่ยวบินผี

โดยหัวเรือใหญ่ "จีเอ็มเอ็ม ไท หับ (จีทีเอช) วิสูตร พูลวรลักษณ์" บอกภาพรวมว่า ในการขายหนังให้ต่างประเทศนั้น สำหรับหนังรักจากเมืองไทยแล้ว อย่างต่ำราคาจะอยู่ที่ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตกราว 6,000,000 บาท "แต่ถ้าหนังผีจะได้มากกว่านั้น" นั่นคืออยู่ที่ 400,000-500,000 ดอลลาร์ คือประมาณ 12,000,000-15,000,000 บาท

 

เหตุผลก็อย่างที่ว่ามาข้างต้น คือแม้หนังรักเรื่องนั้นจะดีแค่ไหน หากแต่ละประเทศก็จะมีรูปแบบที่ชอบแตกต่างกัน ซื้อไปแล้วถ้าไม่โดนก็ไม่คุ้ม คนซื้อจะไม่ทุ่มราคาหนัก ขณะที่ถ้าเป็นหนังสยองขวัญ "คนที่ไหนในโลกดูแล้วก็กลัวเหมือนกันทั้งนั้น"

 

แถมในมุมผู้สร้าง "อังเคิล - อดิเรก วัฏลีลา" ยังว่า ตามความเห็นเขาน่ะ หนังผีทำง่ายที่สุด ส่วนราคาขาย แม้ได้ไม่เท่าหนังบู๊ เพราะค่าลิขสิทธิ์ในการขายให้ต่างประเทศ จะได้แค่เรื่องละ 10,000-100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (300,000-3,000,000 บาท) สำหรับหนังฟอร์มเล็กที่คนซื้อจะเอาไปรวมกับเรื่องอื่นแล้วทำออกขายเป็นหนังแผ่น ส่วนถ้าซื้อที่ฟอร์มใหญ่เพื่อไปฉายโรง หากต่อรองดีๆ อาจมีถึง 500,000 ดอลลาร์ต่อเรื่อง ซึ่งก็ยังเทียบไม่ได้กับหนังบู๊ เพราะเรื่องหนึ่งค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ แถมจะเพิ่มเป็น 10 ล้าน ถ้ามีดาราดังของโลกร่วมแสดง อย่างบ้านเราก็ต้อง "จา - พนม ยีรัมย์" เท่านั้น

 ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ

ทว่าถ้าให้เลือก หลายค่ายก็เลือกหนังผี เพราะการทำหนังบู๊มักเสี่ยงกับงบประมาณที่อาจบานปลาย จนรายได้ไม่คุ้มรายรับ ต่างจากหนังผีที่อย่างน้อยประเทศในฝั่งเอเชียด้วยกันก็ซื้อ เพราะ "ชอบมาก" ทั้งยังใช้ทุนต่ำด้วย ไม่ได้ต้องการโลเกชั่นหรือสถานที่ถ่ายทำอันหรูหรา ไม่คาดหวังว่าต้องมีฉากอลังการ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จึงน้อย อีกทั้งไม่ต้องมีดาราดัง "เพราะจะเอาใครมาแต่งเป็นผีก็ได้" ว่าอย่างนั้น "ที่สำคัญคือต้องดีไซน์ผีให้ออกมาแปลก น่ากลัว เพราะเรื่องอย่างนี้ขายกันที่ไอเดีย ไม่ใช่ตัวดารา"


ดังนั้น ถ้าทำดีจริงๆ นอกจากขายลิขสิทธิ์ยกเรื่องไปฉายแล้ว ดีไม่ดีอาจมีการขอซื้อเรื่องไปทำใหม่ อย่างที่เคยมีการขอซื้อเรื่อง "ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ" ไปการขายลิขสิทธิ์เรื่องนี่ละ จะได้รายได้สูง คืออาจถึง 1 ล้านดอลลาร์ (30,000,000 บาท) เลยทีเดียว บางเรื่องพออุ่นใจได้ว่า "ไม่น่าเจ๊ง" ตั้งแต่เริ่มสร้าง เพราะจะมีการสร้างตัวอย่างสั้นๆ ไปให้บริษัทหนังต่างประเทศดูเพื่อหยั่งเสียง และถ้ามี 10-15 ประเทศตอบรับ "ก็พอลุ้นสร้างได้" เขาว่า แต่ถ้าถูกใจจำนวนน้อยแค่ 2-3 ประเทศ ก็อาจล้มโครงการไป แบบไม่เจ็บตัว

 

"ประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น จีน บางครั้งเราให้ไปฉายฟรี ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ แต่เขาต้องจ่ายค่าโฆษณาเอง แล้วได้มาเท่าไหร่ค่อยแบ่งกัน" มาถึงตรงนี้อาจคิดว่าหนังผีพะยี่ห้อไทยอะไรๆ ก็ดีไปหมด-แต่ไม่ใช่ เพราะระยะหลังมีบางเจ้าใช้วิธีลัด เห็นหนังเรื่องไหนดังก็อาศัยชื่อคล้ายๆ กันมาใส่ใน "หนังแผ่น" กากๆ จากนั้นลงทุนทำโปสเตอร์อย่างดีไปหลอกขาย แล้วก็ขายได้ เพราะต่างชาติแยกไม่ออกว่าอันไหน "ของจริง" อันไหน "กาก" แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเรียนรู้ จึงระแวดระวังก่อนการซื้อขายพอตัว เพราะใครๆ ก็อยากให้ผีพารวยกันทั้งนั้น

 5แพร่ง5แพร่ง

อังเคิล ซึ่งเคยเป็นโปรดิวเซอร์หนังผีมาหลายเรื่อง ก็บอกว่าที่ผ่านมาถูกทาบทามให้ไปเป็นโปรดิวเซอร์หนังผีบ่อยๆ "นี่เพิ่งตัดต่อหนังผีเสร็จไปเรื่องหนึ่ง แล้วอีก 2 เรื่องที่รับทำก็หนังผี นี่ถ้ารับทุกเรื่อง ตอนนี้ต้องทำหนังผีเป็นร้อย" เขาเล่าพลางหัวเราะ แต่ "ไม่อยากรับ เพราะหลายเรื่องให้ทุนต่ำมาก กะเข้าโรงฉายแป๊บหนึ่งแล้วเอาลงแผ่นขาย"


ส่วนคนดูจะชอบหรือไม่ ผู้กำกับจะเสียชื่อเสียงไหม นายทุนไม่สนใจ มองว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะกะอาศัยกลยุทธ์ตีหัวเข้าบ้านอย่างเดียว บ้านไหนไม่ยอมให้ตี ก็ไม่เป็นไร และต่อให้ขายในไทยไม่ค่อยได้ "พวกนี้ก็หวังคืนทุนจากเมืองนอก" เพราะที่ผ่านมาแทบไม่มีใครผิดหวัง จนคนทำหนังผีชักเลือนๆ ว่า "ขาดทุน" สะกดยังไง "ที่นี้เข้าใจกันหรือยังล่ะว่าทำไม (หนัง) ผีจึงครองเมือง"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook