วิจารณ์ Jack the Giant Slayer

วิจารณ์ Jack the Giant Slayer

วิจารณ์ Jack the Giant Slayer
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มันคือจุดเริ่มต้นของคนเล็กๆ ที่หาญกล้าหวังในสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินตัว หลายคนอาจจะเคยผ่านจุดนี้มาแล้ว บ้างประสบความสำเร็จและนำมาบอกเล่าให้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ บ้างล้มเหลวและปัจจุบันเปลี่ยนความคิดในการตามล่าเป้าหมายไปแล้ว แต่ “Jack the Giant Slayer” หรือ “แจ็คผู้สยบยักษ์” อาจกำลังพยายามจุดประกายให้เรายังไม่ล้มเลิกมัน

jack the giant slayerแจ็คผู้สยบยักษ์

พวกเราหลายๆ คนคงเติบโตมาพร้อมๆ กับนิทานของ “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” แต่หนังเรื่องนี้เลือกจะหยิบเทพนิยายมากกว่า 1 เรื่องมาผสมผสานเป็นเรื่องใหม่ มองว่ามันเป็นตำนานที่เล่าสืบกันมาเนิ่นนานจนไม่มีใครรู้ว่ามันมีจริงหรือไม่ เป็นนิทานเล่มเล็กๆ ที่พ่อแม่เอาไว้เล่ากล่อมเด็กนอน มนุษย์หนุ่มชาวนานามแจ็ค และเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์นามอิสซาเบลก็เติบโตมากับตำนานเรื่องนั้น

พวกเขาไม่เคยจะรู้เลยว่า ตำนานที่เล่ากันมานั้นมันจะเป็นเรื่องจริง

ถ้าหนุ่มชาวนาจะหลงรักกับเจ้าหญิง ก็คงจะมีในเทพนิยายเท่านั้น และในเทพนิยายก็ย่อมจะมีเรื่องเหลือเชื่ออย่างต้นถั่วยักษ์ที่โตจนสูงเสียดฟ้าได้ในชั่วข้ามคืน ไม่พอ เหล่าผู้ชั่วร้ายในนิทานก็มักจะหลงใหลในเงินทองของมีค่าถึงขั้นสะสมไว้เป็นโกดัง หากแต่มันถูกเล่ามาได้ลงตัวทำให้เราได้อารมณ์ดีกับเรื่องราวในช่วงเริ่มต้นและลงท้ายด้วยการลุ้นในฉากแอ็คชั่นสไตล์ “นิทานๆ” อย่างที่เห็น

เมื่อถั่วในนิทานเกิดจับพลัดจับผลูมาอยู่ในมือแจ็ค และโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาพลาดทำให้ต้นถั่วเติบโตขึ้นไปถึงดินแดนของยักษ์ที่ลอยอยู่เหนือเมฆ ทั้งยังเอาบ้านที่มีเจ้าหญิงแสนสวยผู้รักในการผจญภัยลอยขึ้นไปด้วย ภารกิจช่วยชีวิตเจ้าหญิงจากมือยักษ์จึงเริ่มต้นขึ้น แถมยังมีชายที่ผู้เป็นพ่อหมายมั่นและเหล่าองครักษ์ขึ้นไปด้วย หนึ่งในนั้นมีเป้าหมายชั่วร้ายแอบแฝงอยู่ด้วย พอคนเริ่มเยอะ ก็เริ่มใส่บทบาทที่ซับซ้อนเข้าไปได้อีก ซึ่งคนเขียนเขาก็ทำได้ดี ช่วงครึ่งหลังคนดูนั่งลุ้นกันสนุกทีเดียว

พระเอกแจ็ค ถั่วฉัน เขาคนนั้นคือ Nicholas Hoult (พระเอกคนเดียวกับซอมบี้มีรักใน “Warm Bodies” นั่นแล) ซึ่งแม้ว่าจะหล่อแค่ไหน ก็ไม่อาจสู้ Ewan McGregor ในบทบาทองครักษ์สุดเก่งของผมไปได้หรอกครับ ขณะที่เจ้าหญิงอิสซาเบลของเราก็รับบทโดย Eleanor Tomlinson สาวแสนสวยที่เคยเป็นฟิโอน่าสุดน่ารักใน “Alice in Wonderland” ในเรื่องนี้เธอเป็นสาวเต็มวัยน่ามองและเข้ากับลุคเจ้าหญิงผู้น่าทะนุถนอมเอามากๆ อีกสองคนที่มองข้ามไม่ได้ก็คงจะเป็น Ian McShane ผู้เป็นกษัตริย์ของเมืองและเป็นพระบิดาของเจ้าหญิงอิสซาเบล แม้ว่าบทบาทจะไม่มีอะไรมากแต่ก็ทำให้เรายิ้มได้ อีกคนคือ Stanley Tucci เขาเป็นสีสันของเรื่องทีเดียวอย่างน้อยก็ส่วนใหญ่ของเรื่องราวแหละน่า

จะว่าไป ถ้าดูกันแบบจับผิด ก็อาจจะพบว่าหลายๆ จุดใน “Jack the Giant Slayer” ก็ดูรั่วๆ ดูไปก็งงๆ ว่าเขาพลาดรายละเอียดบางอย่างไปได้ไงนะ แต่ถ้าดูรวมๆ แล้วก็พบว่า เอาก็จับเอานิทานแจ็คผู้ฆ่ายักษ์มาเล่าใหม่ได้น่าติดตามดี แม้ว่ามันจะไม่ได้มีอะไรใหม่มากมายนัก และคนดูหนังอย่างเราๆ ก็พอจะจับทางได้ไม่ยากก็ตาม

ในขณะที่เมื่อมองในงาน CG หนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดีพอประมาณ อาจไม่เนียนนักแต่ก็จัดการเรื่องการเคลื่อนไหวได้ดี หากจะพยายามดูที่เนื้อเรื่อง มันก็คือการเล่าแบบนิทาน อาจไม่มีสิ่งใดเป็นไปได้ในโลกจริง ลูกชาวนาน่ะหรือจะคิดใฝ่สูงเด็ดดอกฟ้า เขาคงตกลงมาปางตายเสียก่อนจะได้พบภาพตัวเองในพิธีแต่งงานกับหญิงสูงศักดิ์ แต่แจ็คกลับกลายเป็นคนธรรมดาที่ทำภารกิจฮีโร่อันนั้นเพื่อคนที่เขารัก หนังเต็มไปด้วยตัวละครที่มีความคิดและนิสัยที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่ต่างจากสังคมจริงๆ ที่เราอยู่ ทำให้เราคล้อยตามไปกับเรื่องได้ง่าย

หนังยังมีแง่มุมของการมองโลกในแง่ดี หากว่าเจ้าหญิงไม่ฝักใฝ่การผจญภัยนอกวังและล่ะก็ เธอก็คงจะไม่ได้พบกับเขา และถ้าเธอไม่รักในการผจญภัย เหตุการณ์บางอย่างก็อาจจะเลวร้ายกว่าที่เป็นในหนังเรื่องนี้ก็เป็นได้…

“ฟี ไฟ โฟ ฟัม อย่ากังขายามฟ้ามืดดำ …”


Credit : PatSonic ( http://www.patsonic.com/movie/jack-the-giant-slayer/ )

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook