วิจารณ์หนัง The Great Gatsby รักเธอสุดที่รัก

เมื่อครั้งแรกที่ได้ชมตัวอย่างหนังของ “The Great Gatsby” สิ่งที่ปรากฏอยู่ในใจครั้งแรก คือ อะไรมันจะสวยงามอลังการดาวล้านดวงเช่นนั้น หนัง 3 มิติที่เน้นภาพทุกช็อตทุกช่วงให้ออกมาอลังการสุดๆ ละเมียดละไมกับทุกเม็ดจนแทบจะเรียกว่า งานด้านภาพล้ำหน้างานอื่นๆ ของหนังไปอย่างเห็นได้ชัด

 

วิจารณ์หนัง The Great Gatsby

ต่อเมื่อไปค้นพบด้วยตัวเองจริงๆ ในโรงภาพยนตร์ จึงได้รับรู้ว่า องค์ประกอบอื่นๆ ของหนังก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

ความจริงแล้ว “The Great Gatsby” เคยถูกสร้างเป็นหนังในช่วงปี 1974 ซึ่งผมเองก็ยังไม่ได้ย้อนกลับไปดูเวอร์ชั่นนั้น ได้แต่ดูเวอร์ชั่นล่าสุดจากผู้กำกับฯ ที่มีเครดิตจากหนังสร้างชื่อหลายๆ เรื่อง ไล่กันมาเลยตั้งแต่ Strictly Ballroom, Romeo + Juliet, Moulin Rouge! มาจนถึง Australia ก่อนจะหันไปทำหนังสั้นแล้วจึงหันมาทำเรื่องนี้ ซึ่งในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes พบว่าได้รับเสียงจากนักวิจารณ์ในระดับกลางๆ แต่ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดีจากผู้ชมทั่วไป



The Great Gatsby มันคือเรื่องราวของตัวละครหลายๆ ตัวที่ชีวิตต้องมาเกี่ยวพันกันในช่วงหนึ่ง หนังเลือกจะเล่าเรื่องในช่วงที่เหตุการณ์ต่างๆ ผ่านพ้นไปแล้ว มีแต่ตัวละครเอกตัวหนึ่งที่เล่าถึงอดีตของตน เรื่องของคนที่เขาประทับใจไม่รู้ลืม

นิค คาร์ราเวย์ (โทบี้ แม็กไกวร์) คือคนๆ นั้น เขาเป็นนักเขียนที่เล่าถึง เจย์ แก็ตส์บี้ (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) ผู้ชายที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ข้างๆ กระท่อมหลังเล็กๆ ของเขานั่นเอง จากวันที่ได้แต่แอบเห็นกันและกัน มาจนวันที่เขามีโอกาสได้เข้าไปร่วมในงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นเป็นประจำของบ้านใหญ่ของแก็ตส์บี้หลังนั้น ก็ทำให้เขาได้รู้จักผู้ชายที่ดูลึกลับคนนี้มากขึ้น

แต่สิ่งที่เขารู้จากปากเจ้าตัวนั้น.. อาจไม่ใช่เป็นเรื่องจริง!

The Great Gatsby โดย Baz Luhrmann

ภายใต้ท่าทีอันแสนดูเป็นผู้ดีของ เจย์ แก็ตส์บี้ ยังมีความลับบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ และนิคพอจะรู้สึกได้ เขาเองก็รู้ตัวดีกว่า ยังไม่ค่อยจะเข้าใจผู้ชายคนนี้ดีนัก ชายคนนี้มักจะจัดปาร์ตี้อึกทึกครึกโครมขึ้นเป็นประจำ ไม่มีใครรู้ว่า เขาทำธุรกิจอะไรถึงได้มีเงินทองมากมายเช่นนั้น แต่ทุกคนก็มา ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขามีอดีตเป็นอย่างไร ต่างคนต่างรับรู้กันไปคนละอย่าง ไม่รู้ว่าจะรู้จักเขาจริงๆ หรืออาจจะไม่ได้อยากรู้จักจริงๆ จังๆ ก็ได้เพราะดูเหมือนมันจะไม่จำเป็น

ณ เวลานั้น ที่นิวยอร์ค เป็นยุคที่ศีลธรรมตกต่ำ นิคเข้ามาไล่ตามความฝันของเขาอยู่ในเมืองนี้ เขามีลูกพี่ลูกน้องนาม เดซี่ (แคร์รี่ มัลลิแกน) ที่เธอมีสามีจอมเจ้าชู้อย่าง ทอม บูชาแนน (โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน) และนิคก็ดูจะหลงใหลได้ปลื้มไปกับภาพความเป็นผู้ดีและร่ำรวยของแก็ตส์บี้อยู่ไม่น้อย ซึ่งมันได้พาเขาไปรู้จักกับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง และนำพาเขาดำดิ่งสู่ความหม่นมัวแสนเศร้าที่เขาไม่เคยได้รู้จากฉากหน้าของปาร์ตี้ในคฤหาส์ที่โอ่อ่าอลังการ

 

 ตัวอย่างล่าสุดหนัง The Great Gatsby

สำหรับผมแล้ว “The Great Gatsby” ละเมียดละไมกับทุกๆ สิ่งในตัวมันอย่างมาก ไม่ว่าจะเพลงประกอบที่เต็มไปด้วยลีลาสนุกจากเพลงแจ๊สที่นำมาเรียบเรียงให้แซ่บยิ่งขึ้น ขณะที่ภาพของเหตุการณ์บ้านเรือนมันคือยุคสมัยก่อน ซึ่งอาจจะดูขัดกับเพลงที่ประกอบ แต่เมื่อผสานรวมกัน มันทำให้ความรู้สึกเก๋เว่อร์ไปอีกแบบ ขณะที่งานด้านภาพนั้น นับว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่เหมาะจะรับชมในแบบ 3 มิติอย่างยิ่ง เพราะนอกจากความสวยงามอลังการแล้ว 3 มิติยังทำออกมาได้เนี้ยบและแพรวพราว จึงไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปรับชมในโรงภาพยนตร์ 3 มิติด้วยตัวคุณเอง

ในด้านการดำเนินเรื่องนั้น หลายคนอาจจะมองว่ามันดูช้าเกินไป แต่สำหรับผมนั้นมองว่า ในเมื่อหน้าตาหนังมันเป็นเช่นนั้น การดำเนินเรื่องเร็วๆ มันคงดูไม่เข้ากัน แต่ถึงกระนั้น หนังก็ไม่ได้ช้าตลอด มีบางช่วงที่เร็วบ้างช้าบ้างสลับกันไป สิ่งที่ดูจะชัดเจนอีกเรื่องคือ นี่มันเป็นหนังของความรักที่บังเกิดอยู่ในโลกที่มีความฟุ้งเฟ้อและไร้ซึ่งศีลธรรม การไขว่คว้าที่มุ่งมั่นที่บางครั้งก็ไร้ศีลธรรมไม่ต่างกัน

 

เป็นอีกเรื่องที่ต้องยกนิ้วให้กับ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เขาแสดงบทบาทคนรวยที่มีเบื้องหลังซ่อนเร้นได้อย่างดีเยี่ยม แค่มาดูเขาคนเดียวก็เรียกได้ว่าคุ้มแล้ว แม้เมื่อดูโดยรวม เราอาจจะยังไม่อินมากสักเท่าไรกับมันนักก็ตาม

ดูหวามไหวไปกับภาพฝัน ดูตื่นตาไปกับระยิบระยับร้อยพัน ดูหม่นมัวไปกับเรื่องราวเบื้องหลังนั้น ลงท้ายมันยังมีบางอย่างค้างข้างใน


Credit: PatSonic ( http://www.patsonic.com/movie/the-great-gatsby/ )