ปรัชญา ปิ่นแก้ว, 8 ปีกว่าจะมาเป็น ต้มยำกุ้ง 2 (ตอนที่1)

ปรัชญา ปิ่นแก้ว, 8 ปีกว่าจะมาเป็น ต้มยำกุ้ง 2 (ตอนที่1)

ปรัชญา ปิ่นแก้ว, 8 ปีกว่าจะมาเป็น ต้มยำกุ้ง 2 (ตอนที่1)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พี่ปรัช หรือ ปรัชญา ปิ่นแก้ว ถือเป็นบุคคลสำคัญในวงการภาพยนตร์ไทย ที่ทำหน้าที่อำนวยการสร้างและกำกับหนังมาแล้วมากมาย และตอนนี้พี่ปรัชกลับมากำกับหนังอีกครั้ง ในหนังแอ็คชั่นเลือดไทยที่หวังพิชิตฮอลลีวู้ดกับเรื่อง ต้มยำกุ้ง 2 - 3D โดยห่างจาก ต้มยำกุ้ง ภาคแรกถึง 8 ปีด้วยกัน วันนี้ S! Movie เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษของพี่ปรัชมาให้ได้ติดตามกันถึงที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็นหนัง  ต้มยำกุ้ง 2 - 3D ครับ!


Q : 8 ปีผ่านไปจนมาถึงต้มยำกุ้ง 2(3D) นี่คือภาพยนตร์ Real action ภาคต่อที่ไม่เพียงแค่คนไทย แต่คนทั่วโลกรอคอย ว่ากันว่าเป็นโปรเจ็คต์ฟอร์มยักษ์ของสหมงคลฟิล์มฯที่ใช้ทุนสร้าง เรียกว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างหนังไทยเรื่องหนึ่งมาเลยทีเดียวประมาณว่าเทียบเท่าหนังฝรั่ง Hollywood ทีเดียว

    P: การที่หนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างสูง อาจเป็นเพราะว่าจริงๆแล้วภาพยนตร์แอ็คชั่นมันเลี่ยงไม่ได้  มันต้องมีฉากที่เรียกว่าสร้างความเร้าใจ สร้างความตื่นเต้นให้คนดู แล้วยิ่งคนดูยุคนี้เป็นคนดูที่ได้ดูหนัง Hollywood ฟอร์มยักษ์ไปเยอะแล้ว ถึงจะเป็นCGI.ก็ตาม หรือที่สร้างขึ้นมาด้วยคอมพิวเตอร์ก็ตาม แต่ว่ามันก็ต้องมีองค์ประกอบของการทำฉากที่ต้องใหญ่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกใจที่หนังเรื่องนี้จะต้องลงทุนสูง แล้วก็การที่เรามาสร้างภาค2 เนี่ยะ...มันห่างจากภาค1ใช้เวลาประมาณ8ปี ต้องมีการสะสมความคิดไว้ว่าถ้าวันหนึ่งตัวผมเองแล้วก็ทีมงานทีมเดิมทั้งพันนา ทั้งจา พนมจะต้องมาทำงานร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง มันจะต้องใส่อะไรเข้าไปในนี้ทุกคนก็ทำการบ้านของตัวเองกันทั้งหมด ในส่วนของผมผมก็คิดอยู่เสมอว่าคนดูอยากเห็นอะไร แล้วต้องUpdateอยู่ตลอดว่าในโลกของภาพยนตร์ไปถึงไหน บางครั้งสิ่งที่เราเคยคิดว่ามันน่าจะโดนใจ เมื่อ 5ปีที่แล้ว 7ปีทีแล้ว กับปีนี้มันต่างกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำไปในต้มยำกุ้งภาค2 จะต้องเป็นสิ่งที่มีการคิดมีการวางแผน มีการคาดเดาแล้วก็ตอบสนองแฟนๆหนังของเราให้สมกับที่เขารอคอย


Q: เอกลักษณ์ความเป็น ต้มยำกุ้ง ที่กลายมาเป็นภาพจำเมื่อพูดถึงหนังไทยที่ประสบความสำเร็จเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นประโยคเด็ดอย่าง “ช้างกูอยู่ไหน” หรือท่วงท่าการต่อสู้ของตัวจาเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภาพแปลกตาที่เราไม่เคยได้เห็นกับหนังแอ็คชั่นในยุคปัจจุบันที่มีการผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว แล้วในภาค2พี่ปรัช เตรียมอะไรที่ยังคงความเป็นสิ่งที่คนอยากดูและความแปลกใหม่ในเรื่องนี้บ้าง

    P: หลายๆฉากที่สะท้อนกลับมาจากภาค1มีคนพูดถึงฉากหลายๆฉากเหมือนกัน แต่ฉากที่คนพูดถึงเยอะที่สุดจะเป็น ฉาก Long takeสู้4นาทีโดยที่ไม่ตัด แล้วก็มาฉากที่จาสู้กับนาธาน และก็รวมไปถึงท่าหักกระดูกที่ถือว่าแปลกใหม่มากๆในต้มยำกุ้งตรงนั้นเป็นโจทย์ให้เรามาคิดว่าคนที่ประทับใจฉากเหล่านั้นอยากจะเห็นฉากใหม่ๆอะไรของภาค2นี้  ไอ้ตรงนี้คือสิ่งที่ยากมากๆ โดยเฉพาะมันจะมีในส่วนของแอ็คชั่นเกี่ยวกับเรื่องเสี่ยงตายหลากหลายชนิดบางชนิดเป็นเรื่องของเสี่ยงตายในที่สูง บางชนิดเป็นเรื่องของความเร็ว หรือแม้กระทั่งบางชนิดเป็นเรื่องของการต่อสู้ที่เป็นศิลปะการต่อสู้ของมวยไทย ในส่วนของการเสี่ยงตายในที่สูงกับความเร็วเรื่องนี้ผมจับมารวมกัน ก็คือประเทศไทยเรามีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นก็คือ “แว้น” มอเตอร์ไซด์ที่ต้องมาmodifyมันให้เป็นหน้าตาหรือใส่Speedความเร็วที่เกินspecของเครื่อง แต่ว่าเสียงจะดังมากเป็นที่รำคาญของคนไทย คือในส่วนตรงนี้ แว้น เองอาจถูกมองว่าเป็นตัวร้ายของสังคมอยู่แล้ว เราจึงคิดว่าการที่เราจับแว้นมาใส่ในหนังเรื่องนี้ มาสู้กับจามันคงเป็นโจทย์ที่คนไทยจะสะใจมาก ถ้าเราจะนำมาใช้ เราก็ต้องไม่ธรรมดาก็ต้องมีการคิดต้องมีการออกแบบว่าการที่จาจะสู้กับมอเตอร์ไซด์ควรจะเป็นอย่างไรเราก็Designว่าให้เขาไปสู้กันบนที่สูงบนดาดฟ้าตึก แต่ว่าไม่ใช่เป็นตึกหลายสิบชั้น เป็นตึกแถว ตึกเล็กๆ3-5ชั้น แล้วก็มีการออกแบบให้เกิดการแอ็คชั่นแบบ non stop ซึ่งเราได้เกือบ 20นาทีสำหรับในการสู้กับมอเตอร์ไซด์ ซึ่งภาพที่ออกมาเป็นที่พอใจของเรามากๆ เพราะเราคิดว่าทำอย่างไรให้มันยาวที่สุดแต่ตอนแรกคิดว่า10 นาที ก็เต็มที่แล้ว พองานออกมา ก็มีบางส่วนที่เราต้องตัดทิ้งบ้าง ก็มี หรือในความแปลกใหม่ที่มีอยู่ในฉากนี้เหมือนกันที่เราคิดว่าน่าจะเป็นความใหม่นะครับ คือการถ่ายด้วยแทนสายตาของคนดูเป็นแอ็คชั่นที่แทนสายตาของคนดู จะว่าไปแล้วมันมีการเลียนแบบภาค1นั่นเอง..ไอ้ฉาก Long take ของต้มยำกุ้งภาค1ที่ยาว 4 นาที แต่เราเปลี่ยนมุมมองทางด้านภาพใหม่จากภาคแรกเปลี่ยนมาเป็นภาคนี้โดยใช้แทนสายตาคนดู แต่ปรากฏว่าพอเราทดลองฉายดูแล้ว อ้า..จะมีคนครึ่งหนึ่งที่มีปัญหาในการดูเพราะว่าหนังเรื่องนี้ เป็นหนัง 3 มิติด้วย แล้วการใช้สายตาขณะนั้นมันเป็นแอ็คชั่นด้วยมันเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะทำให้คนดูดูแล้วไม่มีปัญหา คือหลายคนดูแล้วจะเวียนหัวปวดตา เราเลยอาจจะต้องมีการลดทอนความยาวมันลงไปบ้าง Ideaที่ใช้กล้องแทนสายตาของบุคคลที่1เราอาจจะคุ้นเคยจากเกมส์หรือว่าหนังของ Hollywood บางเรื่องก็ใช้วิธีนี้ ซึ่งการที่ใช้คอมพิวเตอร์มันคือการทำสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้หรืออาจจะเป็นจริงยากมาก พอเรามาทำ เราเลือกนำเสนอด้วยวิธีการให้มันเป็นจริง แล้วใช้นักแสดงจริงๆ แล้วก็ใช้กล้องติดอยู่ที่ตัวนักแสดงและก็ให้เขาแอ็คชั่นจริงๆกับที่สูงเช่นการกระโดดข้ามจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่งกระโดดห้อยตัวโหนหรือไถลตัวไปตามที่ที่ยากๆ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เราคาดหวังมาก แต่เราจะทำอย่างไรให้ภาพมันดู Smooth ดูค่อยๆเลื่อนไปมันก็จะดูไม่ถึงอันตราย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องให้มันดูค่อนข้างจริง แต่พอจริงมากๆเข้าก็มีปัญหาเรื่องการดู เพราะฉะนั้นไอ้ภาพนี้ผมอาจจะมีให้ดูในเบื้องหลังก็ได้ หรือคุณอาจจะได้ดูในBlue-ray หรือ Dvd. ก็ได้ แต่ว่าในหนังเราก็จะเลือกใช้เป็นระยะๆ เท่าที่จะใช้ได้


Q:เห็นว่านอกจากเรื่องคิวบู๊แอ็คชั่นในต้มยำกุ้ง2ไม่ได้มีเท่านี้ ยังมีอีกเยอะมากชนิดที่สมกับแฟนๆรอคออย ในพาร์ทนักแสดงเองก็มีความแปลกใหม่ด้วย

     P: ครับแน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับรสชาติความมันส์ของฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ที่ถูกคิดค้นจาก พันนา และท็อป วีระพล ผสมผสานการถ่ายทอดโดยจา พนมในต้มยำกุ้ง2 เรายังได้เหล่านักแสดงที่มีความสามารถทางการแสดงที่ได้รับการยอมรับทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศรวมไปถึงนักแสดงที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ โดยในส่วนของนักสู้ที่จะมาเป็นคู่ปรับของจา พนมตลอดเวลา8ปี ผมมีโอกาสได้รู้จักกับนักสู้จากทั่วโลกที่เขามีความสามารถจริงๆ บางคนอาจถนัดเฉพาะทาง บางคนอาจเป็นพวกฟรีรันนิ่งมีความถนัด และเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะการต่อสู้แตกต่างกันไป โดยที่เราพยายามคัดเลือกสรรคนที่มีความสามารถจริงๆ แล้วก็มาร่วมงานกันอย่างเรื่องนี้เราได้มาริส ครัมพ์ มาริสเป็นนักสู้ที่ผมรู้สึกว่าเขาไวมาก และถ้าเขาได้มาสู้กับจาพนม เราก็จะได้เห็นฉากต่อสู้ที่ดูแปลกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เราจะไม่เคยเห็นจาพนมสู้กับใครที่เร็วขนาดนี้มาก่อน อันนั้นเป็นภาพที่เราจินตนาการ

ในส่วนนักแสดงของไทยนอกเหนือจากนักแสดงจากภาค1ไมว่าจะเป็นหม่ำ เหมือนเป็นคู่ที่ต้องอยู่กับจา และเป็นภาพจำของต้มยำกุ้งภาคแรก ในภาคนี้หม่ำมาเล่นในบทที่ซีเรียสขึ้น เข้มข้นขึ้น แถมเรายังได้จีจ้า ถือได้ว่าเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของจาพนม กับจีจ้า รวมทั้งเราได้เจอแฟนหนังของพนม คือ RZA(รีช่า) ซึ่งตอนที่เราไปโปรโมทองค์บากจนถึงต้มยำกุ้ง เราก็ได้มีโอกาสเจอกัน และได้คุยถึงงานที่รีซ่ากำลังจะทำ และได้คุยถึงความรู้สึกที่เขาทุ่มให้กับหนังของเรา เราจึงหวังว่าวันหนึ่งเราจะได้ทำงานกับรีซ่าและเรื่องนี้ก็เป็นโอกาสนั้น เราได้รีซ่ามาเล่นหนังเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกว่าภูมิใจมาก อิ่มใจและอยากขอบคุณมากๆที่เขาให้ใจกับหนังเรื่องนี้มากๆ แล้วบทบาทที่เขาได้เล่นเขาไม่เกี่ยงไม่ว่าภาพพจน์เขาจะเป็นอย่างไร แต่ว่าเราก็คิดว่าตัวคาแรคเตอร์ในหนังเรื่องนี้ที่เราให้ริซ่าแสดง หลายๆอย่างผมก็ถอดมาจากคาแรคเตอร์จริงๆของเขา จากความรู้สึกจริงๆของเขา ผมเชื่อว่าไดอาล็อคที่เขาพูดในหนังเรื่องนี้ถอดมาจากความรู้สึกจริงๆที่เชื่อว่าเขาเป็นจริงๆ  และเราก็ได้นักแสดงอีกท่านหนึ่งก็คือหญิงรฐา โพธิ์งาม ซึ่งปัจจุบันคุณรฐามีผลงานในภาพยนตร์ที่น่าจับตาเยอะ และคุณรฐาเป็นนักแสดงที่มีความสามารถจริงๆ แล้วก็มีโอกาสได้เล่นหนังของต่างประเทศและมีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่มีชื่อของต่างประเทศ


Q:ข้อนี้เป็นหัวใจสำคัญเลยเชื่อว่าหลายๆคน อยากรู้ทำไมถึงตัดสินใจทำต้มยำกุ้งภาค2ออกมา ในรูปแบบของภาพยนตร์REAL ACTION 3มิติ

    P: การที่ตัดสินใจถ่ายทำเรื่องนี้เป็น3มิติ เป็นส่วนหนึ่งมาจากความชอบส่วนตัวด้วยที่ผมเป็นคนชอบดูหนัง3 มิติอยู่แล้ว พอเรามีโอกาสทำ แล้วก็ด้วยความที่เป็นหนังแอ็คชั่นด้วย ผมว่ามันเหมาะสมมันเข้ากัน ภาพของ3มิติถ้าโดยส่วนตัวนะครับผมชอบดูหนัง 3มิติที่ฉายในสวนสนุกนะ เพราะเป็นการสร้างงาน3มิติที่จงใจเล่นกับคนดู เล่นกับความรู้สึกอย่างเดียวเลย โดยที่เนื้อหานี่ไม่สำคัญเลย แต่ว่าพอเรามาทำอยู่ในภาพยนตร์ที่จำเป็นต้องมีการเล่าเรื่องด้วยมีเนื้อหาที่จะต้องสื่อสารกับคนดูด้วย เราจึงต้องมีการออกแบบโดยการใช้ฉาก3มิติที่จะเน้นที่จะเล่นกับคนดู หรือเล่นให้คนดูเกิดการตกใจคงต้องมีเป็นจังหวะๆบางครั้งเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นหมัดเท้าเข่าศอกต่างๆนาๆมันเอื้อต่อการที่เหมือนจะทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาจะถูกอันตรายจากการต่อสู้จากมือหมัดเท้าจากนักแสดงบนจออยู่แล้ว แต่ว่าเราต้องเลือกใช้ อย่างตอนผมถ่ายหนังที่เป็น2มิติปกติเวลาถึงฉากแอ็คชั่น เวลาจาพนมสู้เราไม่สามารถเอากล้องไปใกล้เขาได้เลย  เพราะว่าการสู้เขาต้องไม่พะวงหรือระแวงกับการที่มีกล้องอยู่ใกล้ตัว เพราะฉะนั้นยิ่งกล้องอยู่ไกลเท่าไหร่ เขายิ่งแสดงได้ดีมากเท่านั้น แล้วพอเราทำเป็น 3 มิติ มันกลับกันการที่กล้องยิ่งใกล้ตัวเท่าไหร่ภาพ3มิติจะออกมาดีเท่านั้น เพราะฉะนั้นอันนี้มันจึงกลายเป็นอันตรายสำหรับนักแสดง และก็อันตรายต่อเครื่องไม้เครื่องมือด้วย เพราะฉะนั้นไอ้ตอนทำเป็นฉาก 3 มิติ เราจึงต้องเลือกใช้เป็นบางจังหวะแล้วภาพที่ออกมาก็ทำให้ทุกคนทีมงานพอใจมาก คือเราจะได้เห็นจาถึงแม้บางครั้งอาจจะเป็นท่าที่คุณๆคุณคุ้นเคยก็ได้ แต่ว่าพอเราเอามาทำเป็น 3 มิติแล้ว มันกลายเป็นความแปลกใหม่นะฮะ มันสวยงามมาก บางภาพระหว่างที่ถ่ายทำผมแทบจะรู้สึกเลยว่าภาพนี้มันน่าจะอยู่ในตัวอย่างหนังในไตเติ้ลได้เลยคือเป็นจาพนมเข่าลอยมาและทิ่มมาข้าง หน้าคนดูกันเลย พูดได้ว่าเป็นช็อตที่เรียกร้องความสนใจได้ดีมากๆ ก็เลยคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะสนุกซึ่งโดยส่วนตัวเราสนุกไปแล้วก็คิดว่าคนดูน่าจะสนุกตามไปด้วยไม่ยาก


Q:การเลือกถ่ายทำในรูปแบบของหนัง3มิติโดยเฉพาะเป็นหนังเรียลแอ็คชั่นในแบบจาพนม เท่าที่ฟังก็ไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนวิธีการ แม้แต่กล้องหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการถ่ายทำ เรามีวิธีการรับมือหรือรีดศักยภาพขีดจำกัดในการใช้เทคนิค3มิติออกมารองรับให้ต้มยำกุ้ง2-3Dออกมามันส์สะใจแค่ไหนอย่างไร

    P: ครับ โดยปกติแล้ว ผมเชื่อว่าการถ่ายภาพยนตร์3มิติเราควรที่จะใช้กล้องชุดเดียว หมายถึงเป็นกล้อง3มิติแค่ชุดเดียว แล้วก็พิถีพิถันกับเฟรมทีละเฟรมนะครับ หมายถึงว่าทีละมุมภาพเขาพิถีพิถันกับตรงนั้น แต่ว่าพอเป็นแอ็คชั่นแล้ว ปกติเราต้องใช้กล้องมากกว่า1ชุด แล้วพอเราไปถ่าย3มิติกลายเป็นว่าเรามีกล้อง2ชุดทุกวัน ทุกวันถ่ายทำอย่างน้อยต้องมี2ชุด แล้วก็ตากล้องทั้ง2คนที่เราได้มาก็เป็นผู้กำกับภาพที่เป็นผู้กำกับหนังด้วยโดยเฉพาะหนังแอ็คชั่นธีระวัฒน์ รุจินธรรม (ผกก.ปาฏิหาริย์รักต่างพันธุ์)และเฉลิม วงค์พิมพ์ (ผกก.7ประจัญบาน1-2) เพราะฉะนั้นการเตรียมการสำหรับการถ่ายทำเป็นระบบ3มิติกับหนังเรื่องนี้เราจึงมั่นใจว่ามันจะผ่านมุมมองของคนที่เข้าใจทั้งในเรื่องของเฟรมภาพของหนังแอ็คชั่นได้อย่างดีตลอดจนรวมไปถึงการออกแบบฉากต่อสู้ของพันนาที่ทำการบ้านมาสำหรับเพื่อ3มิติโดยเฉพาะ เราจึงคิดว่าน่าจะเป็นงานที่ผ่านการวางแผนผ่านการเตรียมการผ่านการออกแบบความคิดเพื่อหนังแอ็คชั่นในรูปแบบ3มิติโดยตรง


Q:เพื่อให้เห็นภาพอยากให้พี่ปรัชลองยกตัวอย่างของลักษณะทางด้านภาพในรูปแบบ3มิติที่เราจะได้ดูกันในภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง2-3D

  P: ยกตัวอย่างฉาก3มิติที่จะเกิดขึ้นในทุกๆฉากการต่อสู้ในหนังเรื่องนี้ที่มีแน่นอนนั่ นคือเราต้องเห็นหมัด เห็นเท้า ของจา พนมพุ่งมาที่จอพุ่งมาที่คนดู  แต่ว่าอันที่เราลุ้นว่าภาพออกมามันจะได้อย่างที่เราคิดมั้ย คือฉากที่จา พนมสู้กันกับพวกแว้น แล้วก็ทะลุหลังคาขึ้นมาที่กล้องซึ่งเราต้องให้เขาทะลุมาให้ใกล้ที่สุด รวม ทั้งไอ้เศษกระเบื้องเศษหลังคา ที่กระเด็นมามันต้องเข้าตาคนดู ซึ่งพอเราทำภาพสมบูรณ์เสร็จแล้ว เราก็พอใจ ส่วนอีกฉากหนึ่งที่ทางจาพนมพุ่งออกสะพานสูง ตรงนั้นผมต้องการเห็นจาพนมพุ่งออกมาจากจอเลยจากมิติของจอพอดี และพุ่งมาหาคนดู อันนั้นเป็นสิ่งที่เราพิถีพิถันมากๆภาพออกมาก็เป็นที่พอใจสวยงาม รวมทั้งภาพกว้างๆซึ่งปกติแล้วแอ็คชั่นจะใช้ภาพแคบๆ แต่ว่าสไตล์ของเราจะเป็นภาพกว้างอยู่แล้วแล้วพอเรามาทำเป็น3มิติ ภาพกว้างหลายๆ ภาพที่เราเห็นมิติด้วย มันก็เกิดความแปลกตา เกิดความสวยงามอีกแบบหนึ่ง


Q:มาถึงตรงนี้หลายคนคงอยากจะรู้แล้วละว่าเรื่องราวของต้มยำกุ้ง2-3Dยังคงเป็นเรื่องราวของนักสู้ที่มาพร้อมกับมวยคชสารรึเปล่า และช้างยังมีบทบาทสำคัญแค่ไหนอย่างไร พระเอกของเรายังตามหาช้างอยู่มั้ย

    P: ในส่วนนี้แน่นอนคือเราต้องทำเรื่องราวของไอ้ขามเหมือนเดิมนะครับแต่ว่าเราจะเล่าว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหลังจากภาค 1 ซึ่งอันดับแรกเลย ผมก็อยากจะเน้นให้บทมันมีความเข้มข้นขึ้น หรือว่ามีอะไรซับซ้อนขึ้นกว่าเดิมจึงได้ให้ คุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ที่เป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง13เกมสยอง เป็นคนรับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้ เราก็ระดมIdeaกัน จนสุดท้ายสิ่งที่เราคิดว่ามันมีคุณค่าของมันอยู่แล้วจากภาค1 ก็คือคาแร็คเตอร์ของพระเอก ของไอ้ขามที่ยังคงเป็นทายาทของทหารจตุลังคบาท เราก็เริ่มต้นจากจุดนี้แล้วก็มาดูว่าหลังจากภาค1ที่เขาได้ช่วยช้างกลับมาแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขา แน่นอนว่าความเป็นความจริงในสังคมที่บางครั้งคนที่มีบุญคุณต่อประเทศต่อแผ่นดิน เขาไม่ถูกเห็นความสำคัญตรงนั้น คนสมัยนี้อาจจะมองข้ามสิ่งเหล่านั้น จุดนี้เป็นจุดเริ่มที่เราคิดบทหนังเรื่องนี้แล้วก็ใส่ปัญหาใส่อุปสรรคเข้าไปบวกกับเหตุการณ์ที่มันต้องเกิดความร้ายแรงขึ้นที่มันค่อนข้างจะทันสมัยกับหนังยุคนี้ด้วยพอผสมผสานเข้าไปแล้วมันทำให้เห็นการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองของไอ้ขามชัดเจนมากขึ้นแล้วก็เห็นต่อยอดถึงสิ่งที่เราปูไว้ตั้งแต่ภาค1ครับซึ่งพอบทเสร็จออกมาหลาย ๆคนรวมทั้งทีมงานพอใจมากกับบทตรงนี้ เราเองอยากจะให้คนดูนอกจากจะสนุกไปกับฉากแอ็คชั่นแล้วยังต้องสนุกกับตัวเรื่องราวด้วย ซึ่งตรงนี้ผมว่ามันจะแตกต่างจากภาค1โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นเราวัดจากเวลาจริงคือ8ปีจากภาค1มาภาค2เราใช้เวลา8ปีจริงๆว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับขาม ซึ่งเราอยากเห็นขามใช้ชีวิตอยู่กับไอ้ขอนซึ่งเป็นลูกของช้างในภาค1ที่ถือได้ว่าเป็นพี่น้องกัน เราอยากเห็นเขาอยู่กันอย่างสงบนะครับ แต่ว่าตัวขามกลับต้องไปพัวพันถึงเรื่องของการฆาตกรรมระดับประเทศ เรียกว่าระดับโลกก็ว่าได้ ซึ่งเราอยากเห็นว่า เขาไปพัวพันได้อย่างไร แล้วก็สิ่งที่ติดตัวมาจากเขาในความเป็นลูกหลานของทหารจตุลังคบาท รวมทั้งไอ้ขอนที่เขามีอยู่แล้วมันเกี่ยวพันอย่างไร ซึ่งแม้แต่ไอ้ขามเองก็คิดไม่ถึงแต่กว่าจะรู้ตัวมันก็กลายเป็นปัญหาที่เขาจะต้องฟันฝ่ามันให้ได้ แล้วต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้

 ซึ่งการดีไซน์เรื่องตรงนี้มันเกิดจากการที่เราตั้งโจทย์ว่ามันมีอะไรบ้างก็ซึ่งโจทย์ตรงนี้พอเราผสมผสานกันเข้าไปก็จะนำพาให้คนดูติดตามเรื่องราวไปจนกระทั่งไคลแม๊กซ์ซึ่งจากที่ผ่านมาผมเชื่อว่าคนดูจะรู้สึกว่าจาหรือไอ้ขามมันเก่งมากคือสู้กับใครในสถานการณ์อะไรจะเก่งมากเหมือนหนังฮีโร่ทั่วไป แต่ในเรื่องนี้เราต้องการให้เห็นความเป็นจริงคือบางครั้งบางสถานการณ์เขาอาจจะเพลี้ยงพล้ำหรือบางสถานการณ์เขาอาจจะเอาตัวไม่รอดจะต้องมีการช่วยเหลือกัน เพราะฉะนั้นภาพของไอ้ขามในภาค2เราอาจจะได้เห็นภาพที่ไม่เคยเห็นเขา เราเห็นเขาแพ้??? เห็นเขาสู้ไม่ได้ เรื่องนี้จะต้องมี


Q.ในภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง2-3Dนอกจากตัวละครจากภาคแรกอย่างไอ้ขามที่รับบทโดยจาพนมและ ขอนช้างที่เปรียบได้กับน้องชายแล้วยังมีอีกหนึ่งตัวละครสำคัญในภาคนี้ด้วย

    P: จ่ามาร์คซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่คุณหม่ำ จ๊กม๊ก คือปกติแล้วหม่ำต้องได้รับบทที่จะต้องตลกหรือต้องสร้างเสียงหัวเราะให้คนดู แต่จากภาคแรกเราให้จ่ามาร์คมาในบุคลิกที่ซีเรียสจริงจังแต่ว่าตลกอยู่ในสถานการณ์ โดยเฉพาะกับคาแรคเตอร์ที่เขาชอบพูดชอบบ่นอะไรของเขา แต่ในภาคนี้จะเห็นว่าจ่ามาร์คจะซีเรียสมากขึ้นจริงจังมากขึ้น แล้วก็จะตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งก็จะต้องมีการพิสูจน์อาชีพของเขาด้วยตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน เพราะว่าการที่เป็นคนไทยที่ไปเป็นตำรวจอยู่ที่ต่างประเทศมันต้องมีการพิสูจน์อะไรมากกว่าที่เขาอยู่ในเมืองไทย เพราะฉะนั้นในภาคนี้เราจะเห็นจ่ามาร์คที่เป็นคนเดียวเท่านั้นที่รู้จักไอ้ขามมากที่สุด ทำให้การที่เขาเชื่อใจไอ้ขามมันเป็นความเชื่ออย่างเดียวเท่านั้นที่เขามีอยู่ แต่สถานการณ์รอบข้างมันไม่เป็นไปตามนั้น ตรงนี้จะเป็นการพิสูจน์ถึงความมั่นคงในใจของจ่ามาร์คว่าเขามีต่อไอ้ขามขนาดไหน แล้วก็การที่จ่ามาร์คจะเอาปืนจ่อหน้าไอ้ขามเขารู้สึกอย่างไร มันมีเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดไหนทำให้เขาต้องเอาเอาปืนจ่อหน้าคนที่เขาเชื่อมั่น ซึ่งตรงนี้มันเป็นฉากที่ผมอยากเห็นมากที่สุด แล้วพอผ่านการแสดงฉากนั้นไปแล้วต้องบอกเลยว่าหม่ำเขาทำได้ดีๆมาก ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าเขาเป็นนักแสดงตลก


Q: ในต้มยำกุ้ง2-3Dยังมาพร้อมด้วยนักแสดงกลุ่มใหม่ทั้งนักแสดงชาวไทย และชาวต่างชาติ คนแรกที่อยากให้พูดถึงคือหญิง รฐา โพธิ์งาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากๆและเป็นการกลับมาร่วมงานกับพี่ปรัชในรอบ10ปีเลยทีเดียว ว่ากันว่าญาญ่าหญิงแจ้งเกิดในวงการก็จากฝีมือของพี่ปรัช

      P: หญิง เป็นนักแสดงที่เรียกว่าผมได้มีโอกาสผูกพันกับเขาตั้งแต่ผลงานชิ้นแรกในวงการก็คืออัลบั้มเพลง ผมเชื่อว่าเขาทำได้ตั้งแต่วันนั้นแล้วจากการที่ทำงานกันทำให้ผมได้มองเห็นความสามารถของเขา ผมได้รู้ว่าหญิงเขามีความฝันสูงสุดคือการที่เขาได้มีผลงานทางด้านภาพยนตร์ระดับโลก แล้วผมก็เห็นเขาพัฒนาตัวเอง เพื่อไปตรงนั้นอย่างชัดเจนมากๆ จนมาถึงวันนี้ผ่านเวลาเป็นมากกว่า10ปี ผมรู้สึกว่าเขายังคงมีความฝันตรงนั้นเหมือนเดิม และก็ยังมั่นคงกับทิศทางที่จะเข้าไป ความสามารถในการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาทำได้จริงๆ บทบาทที่เขาต้องได้รับคือเป็นนักฆ่า เพราะฉะนั้นจะต้องมีแอ็คชั่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยที่จะต้องมีการแสดงในพาร์ทดราม่าร่วมกับดาราใหญ่ระดับHollywoodที่ต้องเข้าฉากด้วยกัน รวมทั้งบทพูดที่ต้องเป็นภาษาอังกฤษที่จะต้องชัดเจนจะต้องดูแล้วกลมกลืน ซึ่งตรงนี้หญิงทำได้ดีมากๆ  คาแรคเตอร์ของเขาจะเล่นเป็นตัวละครที่ถูกเรียกว่าหมายเลข 20 เป็น1ในเหล่านักฆ่าของLC.(ซึ่งแสดงโดยRZA) บุคลิกจะต้องเป็นผู้หญิงเลือดเย็น โดยในความเซ็กซี่ก็จะฉายแววตาของนักฆ่าที่ต้องถ่ายทอดออกมาให้คนดูสัมผัสได้ถึงแม้จะไม่ต้องพูด ในขณะเดียวกันก็จะสามารถเปลี่ยนความเซ็กซี่ที่เห็นให้ตัวเองกลายเป็นอาวุธสังหารได้ทันที พร้อมที่สามารถสังหารผู้คนโดยเฉพาะผู้ชาย พูดได้ว่าเป็นตัวละครที่ไม่ธรรมดาและยาก   ในการคิดค้นตัวละครแต่ละตัวเราก็จะพยายามวางแบคกราวด์มิติให้ตัวละคร อย่างหมายเลข 20 ที่หญิงต้องถ่ายทอดออกมาก็จะมีปมบางอย่างในชีวิตอันนี้ต้องเข้าไปดูในหนัง  แต่เขาจะซื่อสัตย์กับคนที่มีบุญคุณกับเขาซึ่งก็คือLC.ที่เป็นเหมือนbossและคนรักของเขาด้วยกลายๆ ทำให้ตัวละครตัวนี้ก็จะต้องมีความเลือดเย็น และความร้ายกาจที่คนดูจะต้องรู้สึกได้  ในส่วนของแอ็คชั่นผมมั่นใจตั้งแต่ยังไม่ได้ทดลองถ่ายทำด้วยซ้ำเพราะว่าการที่หญิงเขามีพื้นฐานของนักร้องที่ต้องเต้นไปด้วยผมว่ามันง่ายต่อการที่จะมาฝึกแล้วก็ถ่ายทำ ทุกครั้งที่หญิงเข้าฉาก ผมไม่เคยเป็นห่วงอะไรเลย แล้วก็ทำงานได้ราบรื่นดีมากๆ ทำหน้าที่ได้สวยงามมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทผู้หญิงของLC. ผู้หญิงของตัวร้ายเป็นบทที่เขาทำให้ผมเชื่อได้ว่าเขาเป็นตรงนั้นจริงๆซึ่งจริงๆแล้วในบทตรงนี้มีอะไรซ่อนอยู่มากๆๆนักแสดงจะต้องถ่ายทอดอกมาคนดูรู้สึกแล้วเขาก็สามารถทำให้คนดูรู้สึกได้ด้วย...


ติดตาม ปรัชญา ปิ่นแก้ว 8 ปีกว่าจะมาเป็น ต้มยำกุ้ง 2 ในตอนจบในสัปดาห์หน้าครับ!!



อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ ปรัชญา ปิ่นแก้ว, 8 ปีกว่าจะมาเป็น ต้มยำกุ้ง 2 (ตอนที่1)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook