วิจารณ์หนัง The Lunchbox

วิจารณ์หนัง The Lunchbox

วิจารณ์หนัง The Lunchbox
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิจารณ์ The Lunchbox

 

นานปีดีดักที่เราจะมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์อินเดียในสายอินดี้ เดินเรื่องราวแบบเนิบช้า แต่กินใจ ได้รายละเอียดและสัมผัสถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ที่โยงใยกันด้วยสายใยที่เรามองไม่เห็น The Lunchbox เป็นหนังในกลุ่มนี้ มันไม่มีการฟูมฟาย มันไม่มีความพยายามในการบิวท์ให้ผู้ชมร้องไห้ แต่หนังมองโลกอย่างเข้าใจผ่านผู้ชายและผู้หญิงคู่หนึ่งที่ติดต่อสื่อสารผ่านกันด้วยความบังเอิญเพียงเพราะปิ่นโตกับข้าวนั้นถูกส่งไปผิดที่! 

 

เฟอร์นานเดส(อีร์ฟาน ข่าน) เป็นชายวัยกลางคนที่กำลังจะเกษียณอายุงานบัญชีอันแสนน่าเมื่อในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดียชีวิตของเขาในทุกวันซ้ำซากและทุกอย่างจำเจไปหมด เขาเพิ่งจะสูญเสียภรรยาที่เป็นคู่ชีวิตไปอย่างไม่มีวันหวนคืน แต่แล้วระหว่างที่เขากำลังนั่งตรวจงานอยู่นั่นเขาก็ได้รับปิ่นโตที่บรรจุอาหารกลางวันซึ่งส่งมาผิด ซึ่งเจ้าของอาหารกล่องนี้เป็นของ อิลา (นิมรัตน์ กอร์) หญิงสาวที่พยายามจะทำอาหารสุดฝีมือเพื่อสร้างความประทับใจให้กับสามีของตนที่หมางเมินเธอ ชีวิตแม่บ้านของอิลาวนเวียนอยู่แค่การทำงานบ้านและคอยรับส่งลูกไปโรงเรียนเท่านั้น 

 

 

หลังจากที่อาหารที่ถูกส่งผิดอิลาเริ่มเกิดความสงสัยเมื่อสามีของเธอไม่ได้รับประทานอาหารที่เธอปรุงสุกจากหัวใจ เขาตอบกลับกับเธอเพียงแค่ว่า "ดอกกะหล่ำผัดนั้นมันซ้ำซาก เปลี่ยนบ้างก็ได้" ด้วยความงุนงง อิลาจึงส่งจดหมายลงไปในปิ่นโตเพื่อถามว่าปลายทางนั้นเป็นใคร เธอเริ่มต้นด้วยการเขียนขอบคุณเฟอร์นานเดสที่ยอมส่งปิ่นโตกลับมาให้เธอ และแล้วทั้งคู่ก็เริ่มส่งจดหมายถึงกันเพื่อบอกเล่าชีวิตของตน

 

ฉากหน้าของหนังอาจจะดูเป็นหนังโรแมนติก แต่ในขณะเดียวกันหนังก็ไม่ได้วาดวิมานในอากาศให้กับตัวละครทั้งสองรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนที่โชคดีที่ได้พูดคุยกันโดยบังเอิญ อันที่จริงแล้วพวกเขาเริ่มต้นกันไม่ค่อยจะดีนักด้วยซ้ำเมื่อเฟอร์นานเดสเขียนจดหมาย "ติ" ว่าอาหารที่อิลาทำมานั้นเค็มจนเกินไป เธอจึงแก้เผ็ดเขาด้วยการปรุงอาหารในวันถัดมาด้วยการปรุงแกงให้รสชาติ "จัดจ้าน" กว่าปกติ 

 

 

ขณะที่เฟอร์นานเดสกำลังรู้สึกว่าชีวิตของเขาไร้คุณค่าและไร้ความหมายเพียงเพราะชีวิตประจำวันของเขาไม่มีสิ่งใดที่จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ทำอะไรอีกต่อไป การเกษียณอายุครั้งนี้เขาจึงเหมือนต้องการจะละทิ้งทุกอย่างในชีวิตแล้วเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ขณะที่เชค ลูกจ้างคนใหม่ที่พยายามจะขอร้องให้เฟอร์นานเดสสอนงานให้กับเขา แต่เฟอร์นานเดสกลับพยายามตีตัวออกห่างและไม่อยากจะสุงสิงกับใคร คำพูดหนึ่งที่สะกิดใจทำให้เฟอร์นานเดสหวนกลับมามอง "คนอื่น" ในชีวิตก็คือประโยคที่เขาตัดพ้อว่า "ผมมันโตมาด้วยการเป็นลุกกำพร้า ปากกัดตีนถีบด้วยตัวเอง ถึงคุณจะไม่สอนงานผมก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยผมก็ได้พยายามขอร้องคุณแล้ว" เมื่อเฟอร์นานเดสได้ยินเช่นนั้นเขาจึงเริ่มถ่ายทอดงานให้กับลูกจ้างคนใหม่ด้วยความสงสาร แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มที่จะตรรหนักถึงคุณค่าของการ "ส่งมอบ" อะไรบางอย่างให้กับคนอื่น เช่นเดียวกับการติดต่อสื่อสารระหว่างเขาและอิลา เธอเริ่มจะเปิดใจเล่าปัญหาครอบครัวให้เฟอร์นานเดสฟัง ว่าชีวิตของเธอช่างหม่นเศร้าและน่าเบื่อจนเธออยากจะพาลูกของตนเองไปฆ่าตัวตายแบบที่ข่าวมักจะตีพิมพ์บ่อยครั้งว่าคนในมุมไบเลือกจะปลิดชีพตัวเองเพื่อหนีพ้นจากความทุกข์ แต่ด้วยความที่เฟอร์นานเดสผ่านโลกมาแล้วอย่างโชกโชน เขาจึงพยายามปลอบประโลมและบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาที่ผ่านมาว่า "บางครั้งชีวิตมันก็ไม่ยุติธรรมเท่าไหร่หรอก ความสามารถมันไม่มีค่าหรอกในประเทศนี้" นอกจากอิลาแล้วคนดูอย่างเราก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่าบางครั้งความสามารถของเราอาจจะมีมากมาย แต่ถ้าโอกาสไม่ได้เอื้ออำนวยให้เราได้แสดงออกแล้วมันก็ไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลย 

 

 

ชีวิตที่ต้องดำเนินไปเช่นเดียวกับภาพยนตร์ที่ดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์เมื่ออิลาตัดสินใจที่จะนัดพบกับเฟอร์นานเดส แต่เมื่อถึงเวลาจริง เฟอร์นานเดสกลับไม่กล้าจะพบหน้ากับอิลา เพียงเพราะว่าเขารู้สึกว่าตนเอง "แก่" เกินกว่าจะทำความรู้จัก (หรือแอบหลงรักเธอ) เขาจึงได้แต่แอบมองอิลาอยู่ห่างๆ ปล่อยให้เธอชะเง้อมองว่าเมื่อไหร่เฟอร์นานเดสจะมาตามนัดเสียที 

 

จดหมายฉบับสุดท้ายเขาพยายามจะขอโทษและบอกลาอิลา แต่ด้วยความสาวและอยากรู้อยากเห็นของอิลาเธอจึงพยายามจะตามหาว่าเฟอร์นานเดสเป็นใคร แต่แล้วผลลัพธ์ท้ายที่สุดจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ชีวิตก็สอนให้คนสองคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันว่า "บางครั้งโมเมนต์หนึ่งของชีวิตก็เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเราก็พบกันเพียงเพื่อเดินทางจากกันไป" 

 

 

The Lunchbox ไม่ใช่หนังโรแมนติกที่ฟูมฟายหรือพยายามจะสร้างอารมณ์ร่วมแต่ด้วยความโอนอ่อนผ่อนปรนของผู้กำกับ ผสานกับการแสดงที่เล่นน้อยแต่ให้ความรู้สึกับผู้ชมมากของอีร์ฟาน ข่านได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมบนเวทีเอเซียน ฟิล์มอวอร์ดครั้งที่ 8 จากประเทศฮ่องกงรวมไปถึงบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย 

 

 

สงกรานต์นี้ The Lunchbox อาจจะเป็นแค่หนังฟอร์มเล็กที่เข้าฉายน้อยโรง แต่ในขณะเดียวกันมันกินใจและให้ความรู้สึกดีกับชีวิตได้ไม่น้อย ลองไปเติมพลังชีวิตผ่านการมองหนังกันดูครับ 

 

 4 คะแนนจาก 5 คะแนน 

@พริตตี้ปลาสลิด


อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง The Lunchbox

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook