วิจารณ์หนัง Draft Day

วิจารณ์หนัง Draft Day

วิจารณ์หนัง Draft Day
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิจารณ์ Draft Day

 

สำหรับผมแล้ว Draft Day กลายเป็นหนังที่น่าสงสารมาก เนื่องจากกระแสโปรโมตที่ค่อนข้างน้อย หนังที่เกี่ยวข้องกับเกมกีฬาอเมริกันฟุตบอลถูกมองเป็นลูกเมียน้อยเสียเหลือเกินสำหรับประเทศแถบเอเชีย และยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ ยิ่งทำให้รอบฉายหนังเรื่องนี้หดสั้นจนแทบจะเรียกได้ว่ามีรอบฉายแต่ช่วงเวลาที่ "คนทำงาน" อดดูกันไปตามระเบียบ 

 

จริงอยู่ที่หน้าหนังอาจจะไม่เชิญชวนให้ผู้ชมตีตั๋วเข้าไปดูสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนอกสนใจเรื่อง "ธุรกิจการกีฬา" แล้วล่ะก็ Draft Day ถือเป็นหนังที่จะทำให้เราเลือดสูบฉีดพล่านไปกับหนึ่งวันของ ซันนี่ วีเวอร์ จูเนียร์ (รับบทบาทโดยเควิน คอสเนอร์) ผู้จัดการทีมคลีฟแลนด์ บราวน์ที่กำลังต้องหัวหมุน เพราะหนึ่งวันต่อจากนี้คือ การดราฟท์ วันสำคัญที่แต่ละทีมในลีค NFL ย่อมาจาก National Football League ซึ่งจะต้องคัดเลือกนักกีฬาดาวรุ่งในระดับมหาวิทยาลัยเข้าสู่ทีม ซึ่งเขาก็ถูกกดดันจากตัวเองและคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน นายทุนและแฟนบอล เพราะเขาต้องเป็นคนฟันธงในการเลือกนักกีฬาเข้าทีม 

 

 

 

อย่างไรก็ตามกระบวนการดราฟท์ Draft คือประเพณีสำคัญสำหรับลีกกีฬาทั้ง 4 ชนิดในอเมริกาทั้ง อเมริกันฟุตบอล, บาสเกตบอล, เบสบอลและฮ็อกกี้น้ำแข็ง ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่านี่คือฤดูเก็บเกี่ยวที่เปิดโอกาสให้กับสโมสรได้เฟ้นหาเพชรที่จะมาเป็นนักกีฬาเลือดใหม่ โดยที่บรรดาผู้บริหาร ผู้จัดการทีม โค้ช จะต้องรู้จุดแข็งและจุดอ่อนในทีมของตัวเอง เพื่อจะนำนักกีฬาใหม่เข้ามาเสริมทัพเพื่ออุดรูโหว่ดังกล่าวและทำให้ทีมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 

 

ในขณะเดียวกันกติกาในการดราฟท์นั้นจะต้องมีการเรียงลำดับสิทธิ์ในการคัดเลือกก่อนหลัง ซึ่งจะเรียงจากทีมที่ทำสถิติแย่ที่สุดในฤดูกาลแข่งขันก่อนหน้าให้ได้เลือกสมาชิกก่อน และทีมที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดจะอยู่ลำดับสุดท้าย เพื่อป้องกันการผูกขาดความเก่งกาจของทีมใดทีมหนึ่งเท่านั้น และเพื่อเพิ่มโอกาสให้กับทีมที่ด้อยกว่าสามารถต่อกรกับทีมเก่งๆได้ เพียงแต่ว่า คนที่เลือกผู้เล่นก็ต้อง "ตาถึง" เช่นกัน เพราะถ้าเลือกคน "เก่งไม่จริง" เข้าทีมมาก็ช่วยอะไรไม่ได้ 

 

 

 

Draft Day โฟกัสไปที่ช่วงเวลา 1 วันตั้งแต่ตื่นนอนของซันนี ซึ่งตัวหนังใช้วิธีการเล่าโดยขึ้นหน้าปัดนาฬิกานับถอยหลังก่อนพิธีดราฟท์จะเริ่มต้นขึ้น ในทุกช่วงเวลาที่สำคัญของเรื่อง เหตุการณ์แรกเผยให้เห็นว่าเขากำลังมีความสัมพันธ์บางอย่างกับ อาลี พาร์คเกอร์(เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์) แต่ด้วยท่าทีบางอย่างเราจะเห็นได้ว่าทั้งคู่กำลังประสบปัญหาไม่เข้าใจอะไรกันบางอย่าง และปริศนาในกระดาษสีเขียวที่ซันนีเขียนเอาไว้ ก็คือความลับประการสำคัญของหนังทั้งเรื่อง ซึ่งผู้ชมได้เห็นข้อความในช่วงเวลาพิธีดราฟท์ตอนท้ายเรื่อง 

 

ระหว่างวันซันนี่ถูกต่อรองทางโทรศัพท์จากผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ในการเสนอสิทธิ์ให้ได้เลือกควอเตอร์แบคฝีมือดีอย่าง โบ คัลลาแฮน(จอช เพนซ์) เพื่อแลกกับการเสียสิทธิ์การเลือกผู้เล่นในปีต่อๆไปถึงสามปีซ้อน ด้วยความลังเลและไม่แน่ใจทำให้ ซันนี่ตอบตกลง และดูเหมือนเพื่อนร่วมงานของเขาก็จะเห็นด้วย ทว่าตลอดทั้งวันดูเหมือนจะมีเรื่องรบกวนจิตใจของซันนี่อยู่ตลอดเวลา เขาครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและอาลี การสูญเสียพ่อของตนเองเมื่อไม่นานมานี้  การตัดสินใจเลือกผู้เล่นท่ามกลางแรงกดดันจากทุกฝ่าย การประนีประนอมคนที่เขารู้จักและร่วมงานด้วย   

 

 

ความสนุกประการสำคัญของ Draft Day คือการที่ผู้กำกับทำให้เราเข้าไปนั่งเหมือนเป็นบุคคลที่ 3 และ 4 ในการติดตามความคิดของซันนี่ ในขณะเดียวกันทุกครั้งที่มีการ "ยกหูโทรศัพท์" ในการเจรจาต่อรองระหว่างทีมเพื่อแลกสิทธิ์ หรือ พูดคุยกับนักกีฬาที่เขาสนใจ ภาพบนจอหนังก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองเฟรมซ้าย-ขวาเพื่อให้เราได้เห็น "ปฎิกิริยาในการตอบสนอง" จากการเจรจา ซึ่งเป็นการชิงไหวชิงพริบที่น่าตื่นเต้น 

 

แน่นอนว่าพูดถึงวงการ "ธุรกิจ" แล้ว จุดแข็งและจุดอ่อนเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้คู่ต่อสู้ล่วงรู้ไม่ได้ ในขณะเดียวกันฝ่ายที่มี "อำนาจ" ในการต่อรองก็จะถือไพ่เหนือกว่าในการยื่นข้อเสนอให้กับอีกฝ่ายได้พิจารณาถึงโอกาสและส่วนได้ส่วนเสียที่เขาจะได้รับหลังจากการตกลง ซึ่งตลอดทั้งเรื่องแม้ซันนี่จะดูเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเพราะความลังเลของตัวเอง แต่เมื่อทิศทางทุกอย่างชัดเจน เขาก็สามารถพลิกเกมในการวางหมากในพิธีดราฟท์ได้อย่างงดงาม 

 

 

กีฬาอเมริกันฟุตบอล กติกาในการเล่นเกมอาจจะดูเข้าใจยาก ซับซ้อนและเต็มไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อย แต่ในขณะเดียวกัน ความเข้มข้นในการช่วงชิงนักกีฬาก็ดุเดือดเลือดพล่านไม่แพ้วงการลูกหนังอย่างฟุตบอลเลยทีเดียว

 

หนังนอกสายตาอย่าง Draft Day มีดีและมีกึ๋นอยู่ไม่น้อย คนที่ชอบหนังที่พูดถึงเรื่องการบริหารงานและบริหารคนไปพร้อมๆกัน นี่เป็นหนังม้ามืดที่น่าสนใจไม่น้อย ถ้าใครชอบหนังอย่าง Money Ball นี่เป็นอีกเรื่องที่คุณน่าจะชอบครับ

 

ยกให้ 4 คะแนนจาก 5 คะแนน

@พริตตี้ปลาสลิด


อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง Draft Day

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook