วิจารณ์หนัง Dawn of the Planet of the Apes

วิจารณ์หนัง Dawn of the Planet of the Apes

วิจารณ์หนัง Dawn of the Planet of the Apes
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิจารณ์ Dawn of the Planet of the Apes

 

ความสำเร็จของ Rise of the Planet of the Apes นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด เมื่อหนังสักเรื่องที่มีเค้าโครงในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ และได้รับการถ่ายทอดโดยผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์ ย่อมทำให้หนังสักเรื่องมีประเด็นที่ชวนจับต้องได้และนำมาขบคิดต่อหลังจากที่หนังเรื่องนั้นๆจบลง เหตุการณ์ในหนังภาคแรกนั้นเล่าโดยสรุปก็คือ วิลล์ ร็อดแมน (เจมส์ ฟรังโก้) นักวิทยาศาสตร์ในบริษัทผลิตยาผู้คิดค้นเชื้อไวรัสเพื่อใช้ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ โดยนำลิงมาใช้เป็นสัตว์ทดลองในโครงการนี้ แต่แล้วโครงการก็ถูกพับไป ทำให้เขาต้องเลี้ยงดูซีซาร์ ลูกลิงที่แม่มันเสียชีวิตในการทดลองเนื่องจากไวรัสที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมทำให้ซีซาร์ฉลาดเฉลียวกว่าลิงปกติทั่วไป แต่ยิ่งซีซาร์เติบโตขึ้นและถูกแยกจากวิลล์ให้ไปอยู่ในกรงขัง ทำให้มันเริ่มโหยหาอิสรภาพอันแท้จริงและมันยังคิดที่จะปฏิวัติมวลมนุษยชาติอีกด้วย เหตุการณ์ในภาคแรกจบลงที่บรรดาเหล่าลิงหนีเข้าป่าเพื่อไปตั้งรกรากและขยายเผ่าพันธุ์ของตนเอง 

แต่แล้วเรื่องราวใน Dawn of the Planet of the Apes จะเล่าเรื่องราวต่อเนื่องมาจากหนังภาคแรก ซึ่งซีซาร์ เมื่อเวลาผ่านไปถึง 10 ปี ไวรัสไข้หวัดลิงได้คร่าชีวิตมนุษย์จนแทบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ จนเหลือมนุษย์อยู่แค่กลุ่มเล็กๆเท่านั้น เหตุการณ์ในภาคนี้คือการต่อสู้ระหว่างสิ่งมีชีวิตสองเผ่าพันธุ์ที่พยายามจะเอาชีวิตของตัวเองให้รอดและรักษาสายพันธุ์ของตัวเองเอาไว้บนโลกใบนี้

 

 

หนังเปิดเรื่องมาที่ชีวิตความเป็นอยู่ของฝูงลิงในป่า โดยระหว่างที่พวกมันเข้าใจว่าบรรดามนุษย์ได้เสียชีวิตไปหมดสิ้นแล้ว แต่แล้วมนุษย์กลุ่มหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นและทำให้เกิดอุบัติเหตุปืนลั่นใส่ลูกลิงจนได้รับบาดเจ็บเป็นผลให้ฝูงลิงโกรธและไล่มนุษย์กลุ่มนั้นไป ซีซาร์จ่าฝูงได้ลั่นแก่มนุษย์ว่า “อย่ากลับมาที่นี่อีก” และซีซาร์ก็เดินทัพรวมพลลิงไปยังที่พำนักสุดท้ายของมนุษย์เพื่อยืนยันเจตนารมณ์

เหตุการณ์เริ่มบานปลายเมื่อเหล่ามนุษย์ต้องการไฟฟ้าใช้ และที่พำนักของลิงพวกนี้ก็คือเขื่อนที่พวกเขาคิดว่าถ้าหากได้รับการซ่อมแซมแล้วมันจะช่วยปั่นไฟทำให้เมืองมนุษย์กลับมามีไฟฟ้าใช้อีกครั้งหนึ่ง การเจรจาระหว่างมนุษย์และฝูงลิงจึงเริ่มต้นขึ้น 

เบี้ยบ้ายรายทางของหนังเราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของฝูงลิงโดยความโดดเด่นของลิงจ่าฝูงอย่างเจ้า ซีซาร์ (แสดงโดยแอนดี้ เซอร์คิส) นั้นได้ทำให้เราเห็นถึงภาวะผู้นำอันน่าเกรงขาม เมื่อซีซาร์ต้องทำหน้าที่เป็นจ่าฝูงคอยคิดการณ์ใหญ่ในการดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ของตัวเองและทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธไมตรีกับมนุษย์ ทั้งที่มันก็รู้อยู่แก่ใจว่าอีกไม่นานภัยบางอย่างอาจจะมาเยือน

ขณะที่ซีซาร์พยายามจะใช้วิธีประนีประนอมกับมนุษย์แต่ลิงอย่าง โคบา(โทบี้ เค็บเบล) ซึ่งสมัยที่มันถูกเป็นเครื่องมือของมนุษย์ในการทดลองจนบาดแผลเต็มทั่วตามร่างกาย ทำให้มันฝังใจเกลียดชังมนุษย์เข้าเส้นจนมองว่าลิงกับมนุษย์นั้นไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ด้วยชนวนเหตุบางๆเหมือนฟางเส้นสุดท้ายกำลังจะขาด โคบาจึงตัดสินใจอุกอาจและสร้างความร้าวฉานให้กับสองเผ่าพันธุ์จนเกินจะเยียวยา 

 

 

ความน่าสนใจประการสำคัญที่สุดของ Dawn of the Planet of the Apes คือการที่หนังวางตัวให้เราเห็นวิถีชีวิตของมนุษย์และลิงในมุมมองที่เป็นกลาง หนังไม่ได้พยายามตัดสินว่าตกลงแล้วฝ่ายไหนที่กระทำถูกหรือฝ่ายไหนกระทำผิด แต่ละฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเองในการลงมือทำสิ่งต่างๆเพียงเพื่อรักษาเอาไว้ซึ่งชีวิตของตัวเอง ซึ่งไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่มนุษย์ก็ล้วนรักตัวกลัวตายและอยากจะมีชีวิตรอดเพื่อรักษาเอาไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์เช่นเดียวกับฝูงลิง

มีอยู่ฉากหนึ่งที่ซีซาร์ได้พูดคุยกับบรรดาลิงตัวอื่นๆว่าตกลงแล้วลิงดีกว่ามนุษย์หรือไม่ เมื่อเหตุการณ์ดำเนินไปมันก็ได้พิสูจน์สมมติฐานนี้ว่า แท้ที่จริงแล้วจะลิงหรือมนุษย์ก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ ซ้ำร้ายสิ่งมีชีวิตทั้งสองก็แทบจะมีแนวคิดเหมือนกัน แสวงหาอำนาจและอยากจะเป็นใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น 

อย่างไรก็ตามความโอบอ้อมอารีและเห็นใจระหว่างเพื่อนมนุษย์(ลิง) ด้วยกันก็ยังมีให้เห็นจากฉากที่เอลลี่(เคอรี่ รัสเซล) พยายามจะยื่นข้อเสนอรักษาดูแลภรรยาลิงของเจ้าซีซาร์ที่มีอาการติดเชื้อ (แม้ว่ามนุษย์อาจจะหวังผลจากการรักษาเพื่อให้ตัวเองได้ซ่อมแซมเขื่อนก็ตาม) แต่นั่นก็ยังพิสูจน์ให้เราเห็นว่าความเอื้อเฟื้อระหว่างคนกับลิงนั้นยังคงมีอยู่และแท้ที่จริงแล้วพวกลิงก็ไม่ได้อยากจะเป็นปรปักษ์กับมนุษย์ซักเท่าไหร่ เพียงแต่ทั้งสองเผ่าพันธุ์จะหาจุดกึ่งกลางกันได้หรือเปล่า

 

 

แต่แล้วเมื่อช่วงเวลาไคลแมกซ์ของเรื่องเดินทางมาถึง เพราะความละโมบในอำนาจและความเกลียดชังที่เกาะกินหัวใจ ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างบานปลายจนเกินเยียวยา ฝูงลิงและมนุษย์จึงคว้าอาวุธลุกขึ้นมาประหัตประหารกัน จนแต่ละฝ่ายบาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ เหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อ “ผู้นำ” ของแต่ละฝ่ายเชื่อมั่นในความคิดของตนจนหลงลืมไปว่าอีกฝ่ายหนึ่งนั้นก็มีชีวิตจิตใจไม่ต่างอะไรไปจากตัวเอง (แม้ภายนอกจะเป็นสัตว์หน้าขนก็ตาม) 

ท้ายที่สุดแล้ว บทสรุปของสงครามระหว่างลิงและมนุษย์ก็ลงเอยด้วยความสูญเสียและย่อยยับ ทั้งร่างกายและจิตใจ และมันก็ยังปูทางไปสู่เหตุการณ์อนาคตที่ว่าสงครามระหว่างลิงและมนุษย์นั้นกำลังจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไป เมื่อมนุษย์กลุ่มอื่นเข้าใจว่าฝูงลิงลุกขึ้นมาเข่นฆ่ามนุษย์ สงครามครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่ช้า

และไม่ว่าใครก็ตามจะเป็นผู้ชนะ แต่ระหว่างทางทั้งสองฝ่ายนั่นแหละที่เป็นผู้แพ้ทางจิตวิญญาณด้วยกันทั้งคู่ 

 

ยกให้ 5 คะแนนจาก 5 คะแนน 

@พริตตี้ปลาสลิด 

 

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง Dawn of the Planet of the Apes

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook