วิจารณ์หนัง 22 Jump Street

วิจารณ์หนัง 22 Jump Street

วิจารณ์หนัง 22 Jump Street
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิจารณ์ 22 Jump Street

 

 

ความสรวลเสเฮฮาของหนังอย่าง 22 Jump Street นั้นมาจากมุกตลกที่ผ่านการกลั่นกลองมาเป็นอย่างดีของผู้กำกับรุ่มรวยอารมณ์ขันอย่าง ฟิล ลอร์ด และ คริส มิลเลอร์ ซึ่งความสำเร็จของหนังภาคแรกอย่างถล่มทลายนั้น ทำให้เรารู้ว่าหนังที่เดินเรื่องตามสูตรสำเร็จเดิมๆก็สามารถสนุกเกินตัวได้ หากหนังมีไอเดียและวิธีเล่าเรื่องที่เฉลียวฉลาดเพียงพอ 

เหตุการณ์ในหนังภาคแรกหรือ 21 Jump Street นั้นเล่าเรื่องราวของ ชมิดด์(โจนาห์ ฮิลล์) และ เจนโก้(แชนนิ่ง ทาทั่ม) สองนายตำรวจหนุ่มที่กลายมาเป็นคู่หูกันแล้วต้องแฝงตัวแอ๊บเด็กกลายเป็นเด็กไฮสคูลเพื่อสืบหาค้นหาผู้ค้ายาเสพย์ติดที่แฝงตัวอยู่ในโรงเรียน ซึ่งจะโยงใยไปสู่เจ้าพ่อคนบงการตัวจริง การเดินเรื่องในหนังภาคแรกนั้นเป็นไปในทิศทางสไตล์ของหนังคู่หูที่เล่นกับบุคลิกของคนที่ไม่น่าจะเข้าขากันได้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องมาทำงานร่วมกันและปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยระหว่างทางสถานการณ์ต่างๆก็จะหล่อหลอมให้ทั้งคู่สามารถเอาชนะข้อจำกัดของตัวเองและทำภารกิจที่ได้รับมาให้สำเร็จ

 

 

 

เหตุการณ์ในหนังภาคที่ 2 ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากภาคแรกเท่าไหร่นัก เปลี่ยนฉากหลังจากมัธยมไฮสคูลให้กลายมาเป็นมหาวิทยาลัยแทน และเมื่อบริบทแวดล้อมโตขึ้น ทั้งคู่ก็ต้องแอ๊บเด็กให้เข้ากับวัยเฟรชชี่ ซึ่งการสืบคดียาเสพย์ติดที่มีตัวการอยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากชมิดด์และเจนโก้เองก็มีเบาะแสเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่เพียงพอต่อการสาวตัวไปยังตัวการใหญ่ ทั้งที่จริงๆแล้วสิ่งที่ทั้งคู่ไม่ทันได้นึกถึงก็คือความจริงอาจจะอยู่ใกล้ตัวพวกเขาเพียงแค่ปลายจมูก

ความสามารถในการปิดบังอำพรางตัวการที่แท้จริงของหนัง ก็นับได้ว่าผู้กำกับอุบไต๋ของเรื่องได้น่าสนใจ และสิ่งที่ทำให้คนดูตลกขบขันมากที่สุดในหนังภาคนี้ก็คือการที่หนังพยายามล้อเลียนขนบของหนังภาคต่อเอาไว้อย่างชาญฉลาด ด้วยท่าทีประชดประชันของเรื่อง น้ำเสียงในการยั่วล้อสิ่งที่หนังภาคต่อมักจะหยิบจับเอามาใส่ในพล็อตแนวหนังคู่หู หนังก็แม่นยำในการโยนสถานการณ์สุดโปกฮา ชนิดที่ว่าไม่ขำมุมปาก ก็ฮาชนิดกรามค้าง โดยเฉพาะมุกแอ้มลูกสาวเจ้านาย ใครไม่ขำฉากนี้เรียกได้เลยว่าคุณเส้นลึกของจริง

 

 

ข้อแนะนำอีกประการหนึ่งที่จะทำให้คุณดูหนังอย่าง 22 Jump Street สนุกขึ้นก็คือการโยนตรรกะบางอย่างในแง่ความสมจริงทิ้งไป แล้วพยายามทำความเข้าใจกับโทนหนังว่ามันเป็นหนังแนวยั่วล้อตัวเอง และก็ต้องขอบคุณการแสดงที่รับส่งกันอย่างเข้าขาของโจนาห์ ฮิลล์ และ แชนนิ่ง เททั่ม ซึ่งในภาคนี้ดีกรีความจิ้นวายหรือแนวโบรแมนซ์จะยิ่งทวีดีกรีความสนิทแน่นแฟ้นมากขึ้นเยอะกว่าภาคแรก 

 

 

22 Jump Street น่าจะเป็นตัวเลือกชั้นดีสำหรับคนที่ต้องการจะไปบริหารกราม แก้เครียดครับ

 

ยกให้ 4 คะแนนจาก 5 คะแนน

@พริตตี้ปลาสลิด

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง 22 Jump Street

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook