วิจารณ์ Sin City: A Dame to Kill For

วิจารณ์ Sin City: A Dame to Kill For

วิจารณ์ Sin City: A Dame to Kill For
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิจารณ์ Sin City: A Dame to Kill For

 

 

ไม่แน่ใจว่าทำไมหนังอย่าง Sin City ถึงมีการงอกภาคต่อออกมาอีก 1 ภาค ถึงแม้ว่ามันจะมีแฟนคลับเดนตายที่ตามอ่านผลงานการ์ตูนของแฟรงค์ มิลเลอร์ก็ตามที แต่มันก็ยังไม่น่าจะเหนียวแน่นพอที่จะคลอดงานภาคต่อออกมา และด้วยเหตุผลที่หนังทิ้งช่วงในการเข้าฉายเอาไว้ยาวนานร่วมเกือบ 10 ปีจึงเป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้กระแสในภาพรวมของตัวหนังดูซบเซาไปถนัดตา รายได้เปิดตัวของหนังในอเมริกาจึงอยู่ในระดับที่น่าผิดหวังแบบสุดๆเพียง 6.3 ล้านเหรียญเท่านั้น ในขณะที่ในต่างประเทศก็ทำรายได้ย่ำแย่ไม่แพ้กัน (เต้าของเอวา กรีนไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่) 

 

การเชื่อมโยงร้อยรัดเอาทุกอย่างมาไว้ด้วยกันเหมือนเป็นหนังสั้นจำนวน 4 เรื่องที่มีตัวละครจากอีกเรื่องหนึ่งเข้ามาโยงใยกับอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีฉากหลังเป็นเหมือน Sin City นั้น วิธีการนำเสนอดังกล่าวยังถูกนำกลับมาใช้ในตัวหนังเช่นเคย เหตุการณ์ในภาคที่ 2 เปิดเรื่องมาด้วยเหตุการณ์ของมาร์ฟ (มิกกี้ โร้ค) ชายร่างยักษ์ที่ฟื้นขึ้นบนถนนและจดจำอะไรไม่ได้เลย ก่อนจะพบว่าเขาลงมือจัดการเด็กวัยรุ่นอันธพาลข้างถนนอย่างปางตาย เหตุการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างเหมือนการแนะนำตัวละครที่แทบจะไม่ได้นำไปสู่ประเด็นอะไรสักเท่าไหร่ 

เนื้อเรื่องในตอนถัดมาบอกเล่าเรื่องราวของจอห์นนี่ (โจเซฟ กอร์ดอน เลวิซ) นักพนันมือทองที่ดันไปแหย่หนวดเสืออย่างวุฒิสมาชิกโรร์ค(พาวเวอร์ บูทส์) จนทำให้เขาถูกตามล่าและคิดบัญชีสุดโหด อันที่จริงตัวละครของจอห์นนี่นั้นแทบจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นตัวละครที่จัดได้ว่าใสซื่อและเป็นคนที่กล้าท้าทายอำนาจมืดโดยไม่กลัวผลกระทบที่ตามมา

 

 

ส่วนตอนที่น่าจะเป็นไฮไลท์เด็ดที่สุดของเรื่องราวในภาค A Dame to Kill For ดัดแปลงมาจากการ์ตูนเล่มที่ 2 ของ Sin City ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากหนังฟิล์มนัวร์คลาสสิคเรื่อง Double indemnity เล่าเรื่องราวของเอวา ลอร์ด รับบทโดยเอวา กรีน สาวสวยรอบจัดที่ใช้เสน่ห์ของตัวเองเป็นเครื่องมือในการหลอกล่อผู้ชาย เธอเป็นสาวอดีตคนรักของดไวท์ แม็คคาร์ธี(จอช โบรลิน) เธอกลับมาหาเขาอีกครั้งเพื่อขอร้องให้เขาช่วยเธอจากสามีมหาเศรษฐีเดเมียน ลอร์ด(มาร์ตัน โชคัส) โดยมีบอดี้การ์ดสุดเหี้ยมอย่างแมนิท (แดนนิส เฮย์สเบิร์ต) ซึ่งความเป็นจริงแล้วเอวานั้นอาจจะไม่ได้ดูน่าสงสารอย่างที่คิด เมื่อความจริงแล้วเธอเป็นนังอสรพิษร้ายที่หมายจะบงการชีวิตผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตเธอด้วยการใช้ประโยชน์จากเรือนร่างและเสน่ห์ของตัวเอง สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในตอนนี้ก็คือการบริหารเสน่ห์ของเอวา กรีนที่ครบเครื่องเรื่องความสวยสุดเซ็กซี่ และฉากที่ได้เห็นในเรื่องก็เรียกได้ว่าโจ๋งครึ่มและเปิดเผยสัดส่วนของเธออย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ตัวละครของเอวาเป็นตัวละครที่เอื้อต่อการให้แสดงออกด้วยจริตจก้านอย่างฉูดฉาด เรียกได้ว่าในภาคนี้เธอคือ “สีสัน” ของเรื่องอย่างแท้จริง


ถ้ายังพอจะจำกันได้คือเสน่ห์ของเอวา กรีนนั้นเผ็ดร้อนมากจนถึงขั้นที่ว่าโปสเตอร์ตัวละครของเธอในอเมริกานั้นถูกแบน เนื่องจากเสื้อผ้าของตัวละครบางเกินไปจนเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก นอกเหนือไปจากนี้สาวๆที่เป็นลูกสมุนของโรซาริโอ ดอว์สันในบท เกล หัวหน้าแก๊งค์หญิงแห่งเมืองคนบาปก็ยังคงเสน่ห์สุดร้อนแรงเอาไว้จนผู้ชมไม่อาจจะละสายได้เลย อาทิ มิโฮ(เจมี ชุง), โกลดี้และเวนดี้(เจมี คิง) 

ส่วนตอนสุดท้ายของเรื่องตกเป็นของแนนซี (เจสสิก้า อัลบ้า) นักเต้นที่กลายเป็นหนี้ชีวิตขอฮาร์ติแกน(บรูซ วิลลิส) เมื่อเธอจมอยู่กับความจริงที่ว่าฮาร์ติแกนนั้นยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเธอจากเงื้อมือของวุฒิสมาชิกโรร์ค ยิ่งนานวันเธอยิ่งจมปลักอยู่กับความคิดที่จะล้างแค้นให้กับฮาร์ติแกน ถึงขนาดเธอยอมกรีดใบหน้าสวยๆของตัวเองเพื่อเปิดทางให้มาร์ฟช่วยเธอไปลุยกับโรร์คยังที่พำนัก สีสันของตอนนี้คือการที่เราได้เห็นแนนซีจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง ซึ่งเจสสิก้า อัลบ้าถ่ายทอดความบอบช้ำทางจิตใจออกมาได้ไม่เลว (ท่าเต้นของเธอบนเวทีก็ถือได้ว่าเซ็กซี่มากๆ) 

อย่างไรก็ตามภาพรวมของ  Sin City A Dame to Kill For นั้นยังย่ำตามรอยความสำเร็จของหนังภาคแรก ยิ่งไปกว่านั้นในภาคนี้ออกจะน่าเบื่อกว่าและตัวละครสีสันไม่ค่อยฉูดฉาดเท่าภาคที่แล้ว ตัวละครแต่ละตัวค่อนข้าง “พูดเยอะ” หรือ “พล่าม” กับตัวเองในระดับค่อนข้างน่ารำคาญจนเกินไป และก็อย่างที่ได้บอกว่าไปว่าถ้าเหตุการณ์ในหนังภาคนี้ขาด “เอวา กรีน” มันคงจะ “ชืด” กว่าที่เป็นอยู่เยอะเลยทีเดียวเชียว 

 

ให้ 2 คะแนนจาก 5 คะแนน

@พริตตี้ปลาสลิด

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ วิจารณ์ Sin City: A Dame to Kill For

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook