วิจารณ์หนัง รักหมดแก้ว Love on The Rock ชีวิตมันแสนสั้น

วิจารณ์หนัง รักหมดแก้ว Love on The Rock ชีวิตมันแสนสั้น

วิจารณ์หนัง รักหมดแก้ว Love on The Rock ชีวิตมันแสนสั้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิจารณ์ รักหมดแก้ว Love on The Rock ชีวิตมันแสนสั้น

 

บางคนอาจจะตั้งคำถามว่าถ้าหากตัวเองไม่ได้เป็นคนกินเหล้าหรืออยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ชอบออกไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนในยามวิกาลแล้วจะยัง “มีอารมณ์ร่วม” ไปกับหนังเรื่องนี้หรือเปล่า อันที่จริงตัวหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความเฉพาะกลุ่มขนาดนั้น จริงอยู่ที่เหตุการณ์หลักๆของมันจะเกิดขึ้นกับสังคมในวงสุรา แต่ในขณะเดียวกันตัวหนังก็ยังพูดถึงเรื่องราวความรักของหนุ่มสาว-มิตรภาพระหว่างกลุ่มเพื่อน-การเรียนรู้ชีวิตผ่านชีวิตและคำบอกเล่าของคนอื่น รวมไปถึงการเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันมีค่าของแต่ละคนด้วย

 

ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของ ไฟเลี้ยว(พิไลพร สุปินชมภู) หญิงสาวรักอิสระและไม่ต้องการจะถูกผูกมัดใดๆ เธอคิดว่าความรักที่ดีสำหรับตัวเองนั้นคือการที่ต่างฝ่ายต่างจะต้องเว้นช่องว่างระหว่างกันไว้จนไม่น่าอึดอัดหรือห่างเหินกันมากจนเกินไป แม้ตลอดชีวิตเธอจะผิดหวังมาโดยตลอดจนกระทั่งเธอได้เจอกับ บั๊กโจ้(ณปรัชญ์ รัตนนิตย์) หนุ่มตี๋หน้างงโลก เจ้าของร้านเหล้าที่ขอเงินพ่อตัวเองมาเปิด เหมือนเป็นสถานที่เอาไว้สังสรรค์กับเพื่อนฝูง เขาดูไม่คิดจะจริงจังอะไรกับชีวิตเพราะคิดว่าอนาคตยังอีกยาวไกลและเวลาก็เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่มีวันหมด 

 

ประเด็นเรื่องการคบกันแบบหลวมๆจึงถูกพัฒนาและชี้ให้เห็นว่าอันที่จริงแล้ว “ความรักแบบมีช่องว่าง” ก็มีปัญหาและความขัดแย้งในตัวเองอยู่ เมื่ออันที่จริงแล้วการที่คนสองคนอยู่ใกล้ชิดกัน (ในเรื่องเผยให้เห็นว่าทั้งไฟเลี้ยวและบั๊กโจ้อาศัยอยู่ด้วยกัน ในช่วงเวลาที่แต่ละคนอยู่คนเดียวก็ยังมีการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของกันและกันอยู่ดี) ความผูกพันของคนสองคนย่อมเกิดขึ้นมาอยู่แล้วอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยง ทำให้การ “คบซ้อน” ของทั้งสองฝ่ายทำให้ต่างฝ่ายต่างเปรียบเทียบ “คนใหม่” ของกันและกันอยู่ในที

 

ขณะที่ฝ่ายหญิงกลายเป็นตัวละครที่พยายามจะสะท้อนสภาวะความไม่แน่นอนของการใช้ชีวิตคู่เธอเลยไม่อยากจะกระโจนลงไปในสิ่งที่เธอหวาดกลัวว่า ถ้าหากเธอเองตบปากและรักใครสักคนอย่างหมดหัวใจแล้ว เธอจะไม่ผิดหวัง ไฟเลี้ยวจึงเลือกจะเพลย์เซฟตัวเองด้วยการทำให้เจ็บปวดน้อยที่สุด ซึ่งหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นก็สร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองไม่แพ้กัน 

 

และถึงแม้ว่าความรักระหว่างคู่พระ-นางจะว้าวุ่นแค่ไหน แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันในหนังเรื่องนี้ก็คือบรรดาสังคมในวงเหล้าซึ่งประกอบไปด้วย พี่อุ๊(มาช่า วัฒนพานิช) เจ๊ใหญ่ในวงเหล้า เต็มที่ในทุกวันกับชีวิต, พี่แมน(ปองศักดิ์ รัตนพงษ์) เกย์แมนพูดจาตรงไปตรงมีมีความคิดสวนทางกับพี่อุ๊เสมอ, พี่โบ้(ปองกูล สืบซึ้ง) รุ่นพี่ร่างใหญ่ที่เป็นเหมือนศาลพระภูมิในวงเหล้า, พี่นุ(เอ็ม บุดดาเบลส) ทายาทลูกเศรษฐีที่ชอบแต่งตัวเป็นฮิปสเตอร์, เจ๊ด (สงกรานต์ The Voice) หนุ่มเซอร์สุดเสี่ยว ที่เคยจีบไฟเลี้ยวแต่ไม่ติดและ ญาญ่า (แอน โพลิติก) เพื่อนสนิทแสนสุภาพของไฟเลี้ยว 

 

ความโดดเด่นอย่างหนึ่งของ “รักหมดแก้ว” คือช่วงเวลาที่หนังให้เราได้เห็นการอยู่รวมกันของคณะสุราที่กลุ่มเพื่อนจะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนเราเกือบลืมไปเลยว่าบุคคลกลุ่มนี้กำลังแสดงหนังในเราดูอยู่ ซึ่ง “ความกันเอง” ของตัวละครจึงทำให้ผู้ชมเปรียบเสมือนเป็นเพื่อนอีกคนที่ได้เฝ้ามองพวกเขาเล่าชีวิตอันน่าตื่นเต้น ฝาดโผนและน่าผิดหวังไปพร้อมๆกัน 

 

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อมีเพื่อนสักคนในกลุ่มเกิดจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือไม่สบายกะทันหันจนท้ายที่สุดแล้วเพื่อนคนดังกล่าวจะจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ และถึงแม้ว่าเพื่อนคนอื่นๆจะเศร้าแค่ไหน จุดหักเหของชีวิตใครสักคนย่อมทำให้อีกหลายคน “คิด” ต่อไปอีกว่าชีวิตของเราล่ะจะเดินหน้าไปอย่างไรกันต่อดีเพราะท้ายที่สุดแล้วคนเราก็ต้อง “เลือก” ในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเอง และสุดท้ายเราก็จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองโดยที่ไม่มีใครมาสอนเราได้ด้วยเช่นกัน 

 

 

@พริตตี้ปลาสลิด

3.5 คะแนนจาก 5 คะแนน

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง รักหมดแก้ว Love on The Rock ชีวิตมันแสนสั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook