ตามประสาของค่ายหนังมาร์เวลมักจะทำงานกันในแบบระบบสตูดิโอ ดังนั้นการสั่งการและอำนาจสิทธิขาดในการตัดสินใจจึงไม่ได้เด็ดขาดจากผู้กำกับแบบร้อยเปอร์เซนต์ ดังนั้นสตูดิโอมักจะจัดการให้บรรดาผู้กำกับนั้นถ่ายฉากที่ต้องการเอาไว้ในหลายแบบ หลายแนวก่อนที่จะเอามาตัดสินใจเลือกใช้อีกทีตอนขั้นตอนการตัดต่อภาพยนตร์ แน่นอนว่าวิธีการทำแบบนี้ทำให้สตูดิโอมีหลากหลายทางเลือกในการ “เล่าเรื่อง” ที่ต่างออกไป แบบเดียวกับตอนที่มาร์เวลเคยเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางอย่างใน Thor 2 ที่กำกับโดยอลัน เทย์เลอร์
เช่นเดียวกันกับ ANT-MAN ที่กำกับโดยเพย์ตัน รีดด์ ซึ่งระหว่างที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อนั้น เขาได้เผยว่าจริงๆแล้วเรื่องราวในหนังและพล็อตรองอันหลากหลายนั้นตอนช่วงไคลแมกซ์และตอนจบของเรื่องแบบดั้งเดิมนั้นจะมีฉากการต่อสู้ของพอล รัดด์ในบทแอนท์แมนกับคู่ปรับของเขาอย่างมิชเชลล์ คาร์สัน ซึ่งจะรับบทบาทนี้โดยมาร์ติน โดโนแวน
อันที่จริงตอนจบที่เราได้เห็นกันในหนังเป็นวิธีการเชื่อมโยงไปสู่ Captain America: Civil War แต่ความเป็นจริงตอนจบดั้งเดิมนั้น แอนท์แมนจะต้องปะทะกับมิชเชลล์ คาร์สันที่พยายามจะขโมยอนุภาคครอสไป ตอนท้ายของเรื่องเขาจะหนีไปพร้อมกับอนุภาคครอส จะมีฉากต่อสู้กันโครมคราม ในเวอร์ชั่นดั้งเดิมจะจบแบบแอนท์แมนกำจัดมาร์ติน โดโนแวน ได้ และได้อนุภาคคืนมา
ตัวละครมิชเชลล์ คาร์สันปรากฏตัวขึ้นในหนังตอนช่วงเวลาบทนำของหนังที่เล่าเหตุการณ์ในยุค 1980 ที่เขาทำงานอยู่ในหน่วยชีลด์ แต่แล้วภายหลังเขากลับเป็นสายลับสองหน้าที่แอบทำงานให้กับไฮดร้า การที่หนังเลือกจะเปลี่ยนแปลงบทตรงนี้เป็นไปได้ว่าทางมาร์เวลอาจจะเก็บตัวละครนี้เอาไว้ไปใช้ในหนังภาคต่อไป และอนุภาคครอสน่าจะกลายเป็นชนวนที่สร้างอันตรายในหนังภาคต่อๆไปก็ได้
อันที่จริงตามท้องเรื่องแบบคอมมิกส์นั้นมิชเชลล์ คาร์สันจะเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยชีลล์ที่เดิมที่จะได้ใส่ชุดมนุษย์ของแฮงค์ พิมสร้างขึ้นมา แต่ชุดดันโดนสก็อตต์ แลงขโมยไปก่อนเขาจึงโกรธและหวังจะตามล่าเอาชุดมาให้ได้
@พริตตี้ปลาสลิด