วิจารณ์หนัง The Divergent Series: Allegiant ความอ่อนพลังของแฟรนชายส์แหวกโลก

วิจารณ์หนัง The Divergent Series: Allegiant ความอ่อนพลังของแฟรนชายส์แหวกโลก

วิจารณ์หนัง The Divergent Series: Allegiant ความอ่อนพลังของแฟรนชายส์แหวกโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาเหตุหนึ่งที่เรารู้สึกได้ว่า Divergent Series นั้นสนุกน้อยกว่าที่มันควรจะเป็นก็เพราะว่าผู้กำกับอย่างโรเบิร์ต ชเวนเก้ เป็นผู้กำกับที่ทำหนังได้ลุ่มๆดอนๆพิกล เรื่องที่สนุกแต่ก็เลอะเทอะก็เช่น Flightplan, The Time Traveler's Wife และ RED ส่วนหนังอย่าง R.I.P.D. ก็น่าจะเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีว่าเขาเป็นคนทำหนังที่เอาพล็อตเรื่องที่ควรจะบันเทิงและสนุกได้ในระดับเดียวกับหนังอย่าง MIB มาทำให้กลายเป็นหนังที่มีความน่าเบื่อและชวนหาวได้ขนาดหนักได้ยังไง ส่วนผลงาน Insurgent ภาคที่ 2 ของ Divergent นั้นก็อาจจะดูสนุกกว่าภาคแรกนิดหน่อย (แต่ก็ยังน่าเบื่ออยู่ดี) พอชเวนเก้ได้กลับมากำกับภาค Allegiant อีกสไตล์การเล่าเรื่องก็เลยเหมือนเดิม ไปหมด

หนังเปิดเรื่องมาที่เมื่อเมืองชิคาโก้ใกล้จะเข้าสู่สงครามกลางเมือง ทริซ (เชย์ลีน วู้ดลีย์) นำทีมอัลลีเจนท์ ประกอบด้วยโฟร์ (ธีโอ เจมส์), คริสติน่า (โซอี้ คราวิทซ์), ปีเตอร์ (ไมลส์ เทลเลอร์), โทริ (แม็กกี้ คิว) และเคเล็บ (แองเซล เอลกอร์ต) หลบหนีข้ามกำแพงเมืองออกไปสู่โลกภายนอก พวกเขาถูกไล่ล่าด้วยกองกำลังติดอาวุธของเอฟเวอลีน (นาโอมิ วัตส์) หัวหน้าเผ่าไร้กลุ่มที่ตั้งตนเป็นใหญ่ในชิคาโก้ เมื่อทั้งห้าออกนอกกำแพงไปได้ ก็ถูกตามล่าโดยเอ็ดการ์ (จอนนี่ เวสตัน) มือขวาของเอฟเวอลีน พวกเขาต้องเอาตัวรอดผ่านพื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยมลพิษที่เรียกกันว่า The Fringe (ดินแดนรอบนอก) ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือ และถูกรับตัวไปสู่ศูนย์บัญชาการสุดไฮเทคขององค์กรที่มีชื่อว่า “กระทรวงพิทักษ์พันธุกรรม”

เมื่อไปถึงที่นั่น พวกเขาก็ได้พบกับเดวิด (เจฟฟ์ แดเนียลส์) หัวหน้าของกระทรวง เดวิดบอกว่าทริซเป็นเพียงคนเดียวที่มียีนส์ “บริสุทธิ์” และบอกว่าเธอคือคนที่มีค่าที่สุดสำหรับโครงการปริศนาของเขา หลังจากนั้นทริซก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เธอได้รับอนุญาตให้เข้าถึง Memory Tabs (แถบย้อนความจำ) ที่ช่วยให้เธอค้นพบความจริงของต้นตระกูลของตนเอง ขณะเดียวกันโฟร์ก็เข้าร่วมกองกำลังทหารของกระทรวง และร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในค่ายพักอาศัยตามพื้นที่รอบนอก

แต่หลังจากนั้นทริซก็ได้รู้ความจริงว่า เดวิดกำลังจะใช้เทคโนโลยีของกระทรวง กระทำการที่ไร้มนุษยธรรม เธอจึงขโมยยานบินลำหนึ่ง มุ่งหน้าพร้อมทีมของเธอ กลับสู่ชิคาโก้ ทีมอัลลีเจนท์จะต้องหยุดยั้งเอฟเวอลีนไม่ให้ปล่อยแก๊สลบความทรงจำใส่ประชากรชิคาโก้ทุกคน ซึ่งนั่นรวมถึงโจฮานน่า (ออคตาเวีย สเปนเซอร์) หัวหน้ากองกำลังอัลลีเจนท์ และผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกๆ คน

ในแง่ของความสนุกแล้ว The Divergent Series: Allegiant ก็พอดูได้เรื่อยๆ แต่พอเราเริ่มตั้งคำถามถึงความสมเหตุสมผลและตรรกะของตัวละครแล้ว โครงสร้างของหนังทั้งเรื่อง (รวมไปถึงเรื่องระบบการปกครองที่ประหลาดมากซึ่งถ้าจะต้องมานั่งอธิบายคงยาวมาก เพราะต้องอธิบายตั้งแต่ภาคแรก) จัดได้ว่าเลอะเทอะ จนหนังอย่าง The Hunger Game กลายเป็นหนังการเมืองที่ควรได้รางวัลออสการ์ไปเลย (ประชดอีกแล้ว), อีกหนึ่งฉากที่จัดได้ว่าคนดูหลายคนน่าจับสังเกตได้ก็คือฉากที่ทริซขับเครื่องบินเดวิดออกมาจากกระทรวงพันธุกรรม เอะอะตอนเธอจะขับได้ก็ขับได้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แถมยังส่งต่อเครื่องบินให้กับเพื่อนเธอได้ราวกับหัดบินกันมาเนิ่นนาน (บอกแล้วว่าอย่าหาเหตุผล หรือจริงๆเหตุผลก็คือเพราะทริซเป็นไดเวอร์เจนท์เลยเก่งไปหมด...... #เอาที่สบายใจ) 

ไม่รู้จะหยิบอะไรมาพูดเพราะส่วนตัวผู้เขียนก็ไม่ได้ปลื้มหนังมาตั้งแต่ภาคแรกเป็นทุนเดิม แต่ที่ดูให้ครบเพราะรู้สึกว่าลงทุนดูมาแล้วก็ดูๆให้จบๆไป แต่สิ่งที่น่ายินดีมากก็คือสำหรับภาคสุดท้ายอย่าง The Divergent Series: Ascendant จะมีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับเป็นลี โทแลนด์ ไกรเกอร์ ซึ่งมีผลงานการกำกับหนังรักอย่าง The Age of Adaline มาแล้ว #ดูท่าหนังภาคจบจะกลายเป็นหนังรัก แน่ๆเลย 

สำหรับใครที่ชอบหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ภาคแรกก็คงจะชอบต่อไป แต่ถ้าใครเกลียดมาตั้งแต่แรกก็คงจะรู้สึกเหมือนกันว่า “หนังมันแย่เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ” 

@พริตตี้ปลาสลิด

2 คะแนนจาก 5 คะแนน 

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง The Divergent Series: Allegiant ความอ่อนพลังของแฟรนชายส์แหวกโลก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook