วิจารณ์หนัง THE HUNTSMAN: WINTER’S WAR กลับมาเพราะ “เงิน” เรียกร้อง

สาเหตุที่ THE HUNTSMAN: WINTER’S WAR ไม่ได้เป็นภาคต่ออย่างเป็นทางการของ Snow White and the Huntsman เต็มตัวก็เพราะว่าการถอนตัวของนางเอกอย่างคริสเทน สจวร์ตที่ดันมีข่าวฉาวมากเรื่องการลอบเป็นชู้กับผู้กำกับของหนังภาคแรก จนเมียของผู้กำกับถึงกับออกมาแฉ จนเสียคราบสโนไวท์ผู้บริสุทธิ์(และเบลล่าแห่ง Twilight ไปจนหมดสิ้น) อย่างไรก็ตามหนังภาคแรกนั้นตัวหนังเองก็ไม่ได้ดีนัก นักวิจารณ์ค่อนข้างยี้และกล่าวว่ามันเป็น “โฆษณา” ขนาดยาวมากกว่าภาพยนตร์ แต่สิ่งเดียวที่ยังตราตรึงและเป็นที่จดจำของผู้ชมก็คือ “ราชินีราเวนนา” ซึ่งรับบทโดยชาร์ลิซ เธอรอนที่สวยขโมยซีนจนอยากจะให้วายร้ายของเรื่องพลิกกลับมาชนะนางเอกเลยด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ตามเรื่องราวของภาคแรกก็จบสมบูรณ์ในตัวมันเองไปแล้วสโนไวท์กุมชัยชนะเหนือราเวนนาและทวงบัลลังก์ของตนคืนมาได้ แต่เมื่อหนังทำเงินภาคต่อก็ต้องตามออกมาและแน่นอนว่าการถอนตัวของนางเอกภาคที่แล้วย่อมทำให้หนังต้องหาจุดขายใหม่และวิธีการเล่าเรื่องใหม่ ด้วยการนำพาราเวนน่ากลับมาฟื้นคืนชีพด้วยอีกครั้ง และหนังก็ยังใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบ ภาคต้นและภาคต่อไปพร้อมๆกัน เพื่อปูเรื่องราวไปอีกเส้นทางหนึ่งด้วยการบอกว่าแท้ที่จริงแล้วราเวนนายังมีน้องสาวอย่างเฟรย่า (เอมิลี บลันท์) ที่วันหนึ่งพลังพิเศษอย่างพลังน้ำแข็งของเธอก็ถูกปลดปล่อยออกมาหลังจากที่ลูกน้อยเสียชีวิตในอุบัติเหตุ 

เมื่อเฟรย่าเดินทางไปสร้างอาณาจักรของตนเองทางตอนเหนือและไปลักพาตัวลูกชาวบ้านเอามาทำเป็นกองทัพ “พรานป่า” เพื่อทดแทน “ส่วนที่ขาด” ของเธอไปและออกกฎข้อห้ามเพียงข้อเดียวนั่นก็คือห้ามใครในอาณาจักรของเธอมีความรัก ในอาณาจักรนี้อีริค (คริส เฮมส์เวิร์ธ) นายพรานผู้เก่งกาจที่สุดของเฟรยา อีริคและเพื่อนนักรบของเขา ซารา (เจสสิก้า แชสเทน) หญิงสาวเพียงคนเดียวที่กุมหัวใจของเขาเอาไว้ได้ ต่างก็กลายเป็นรักต้องห้ามของกันและกันจนในที่สุดพวกเขาก็ต้องพลัดพรากจากกัน 

เรื่องราวต่อจากนี้จะกลายเป็นช่วงเวลาของหนังภาคแรกจนถึงตอนจบของหนัง และเรื่องราวบทใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น(จริงๆ) เมื่อสโนไวท์โดนกระจกวิเศษครอบงำจนพระนางสั่งให้กองทัพนำไปทำลายแต่ระหว่างทางกระจกเกิดสูญหายไปทำให้อีริคได้รับสั่งให้ตามหากระจกวิเศษ 

THE HUNTSMAN: WINTER’S WAR พยายามจะผันตัวเองจากหนังแนวสงครามแบบภาคก่อนให้กลายเป็นหนังผจญภัยแบบ The Hobbit ทว่าความครึ่งๆกลางๆของหนังที่ยังไม่รู้ว่าจะเล่าอะไรดีทำให้บางส่วนของเรื่องก็ยืดเยื้อและแห้งแล้งประเด็นเกินความจำเป็น จนกว่าฉากที่ทุกคนรอคอยจะมาถึงก็คือช่วงเวลาที่ราชินีราเวนนาคืนชีพและพร้อมลีลาเยื้องกรายของนางก็ปาเข้าไปแทบจะจบเรื่องแล้ว 

อย่างไรก็ตามในภาคนี้เราจะได้เห็นมิติที่เพิ่มเติมขึ้นของอีริค ตัวละครที่ดูไร้ที่มาที่ไปเหลือเกินในหนังภาคแรก โชคยังดีที่บรรดานักแสดงในหนังภาคนี้ต่างก็ใช้เสน่ห์เฉพาะตัวเอาตัวรอดไปได้ ท่ามกลางบทที่ค่อนข้างเบาบางและพล็อตเรื่องรวมไปถึงบทสรุปที่คาดเดาได้จนไม่มีความตื่นเต้นเท่าไหร่นัก 

@พริตตี้ปลาสลิด 

2.5 คะแนนจาก 5 คะแนน