ดูแล้วบอกต่อ วิจารณ์หนัง WARCRAFT เส้นทางที่สดใสของหนังที่สร้างจากเกม?

ดูแล้วบอกต่อ วิจารณ์หนัง WARCRAFT เส้นทางที่สดใสของหนังที่สร้างจากเกม?

ดูแล้วบอกต่อ วิจารณ์หนัง WARCRAFT เส้นทางที่สดใสของหนังที่สร้างจากเกม?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตลอดเวลาที่ผมได้ดู WARCRAFT หนึ่งในหนังที่เรียกได้ว่าดัดแปลงมาจากเกมยอดฮิตเกมหนึ่งของโลกนี้ กลับให้ความรู้สึกตัวหนังค่อนข้างน่าเบื่อหน่าย ตัวละครมากมายราวกับสามก๊กแต่เรากลับไม่สามารถ “รู้จัก” ตัวละครใดได้อย่างลึกซึ้ง และยิ่งเวลาของหนังยิ่งดำเนินไปไกลแค่ไหน ความไม่สามารถเข้าถึงสัมผัสอารมณ์และความรู้สึกกับตัวละครก็ยิ่งทวีมากขึ้นเท่านั้น เป็นผลให้ช่วงเวลาไคลแมกซ์ของเรื่องเรายิ่ง “ไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมที่จะลุ้นชะตากรรมของพวกเขาแม้แต่น้อย” 

จริงอยู่ที่คนส่วนมากอาจจะหยิบตรรกะที่ว่า ก็หนังสร้างมาจากเกมจะไปเอาอะไรกับมันมากมายดูให้สนุกก็พอแล้ว หนังก็ภาพสวย มีฉากแอ็คชั่นสนุกๆ นี่แหละที่เราเข้ามาตีตั๋วดูหนังเรื่องนี้ แต่สำหรับผมสองอย่างนี้ไม่สามารถทำให้หนังทั้งเรื่องสนุกขึ้นมาได้เลยถ้ามันปราศจากบทภาพยนตร์ที่สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างไหลลื่น รวมไปถึงกระบวนการถ่ายทำภาพยนตร์ที่ต้องอาศัยวิธีการ “ตัดต่อ” หยิบในสิ่งที่คนดูควรจะรู้ และแค่ไหนคนถึงจะเข้าใจ 

ปัญหาหลักประการสำคัญของ WARCRAFT ก็คือหนังมีตัวละครเยอะแยะและเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นในดินแดนแฟนตาซี ที่คนดูต้อง “ทำความรู้จัก” กับพวกเขาและอาณาจักรแห่งนี้ให้มากกว่าที่หนังนำเสนอ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือหนังใช้เวลาเพียงเล็กน้อยที่จะทำให้คนดูเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในอาณาจักรเหล่านี้ ประกอบกับการแคสติ้งรวมไปถึงการออกแบบตัวละครที่ “ยาก” ต่อการแยกแยะว่าตัวละครไหนชื่ออะไร เป็นใคร เพราะฝั่งมนุษย์ก็หน้าตา เครา และการแต่งตัวดันคล้ายกันหมด ถ้าหน้าตาก็เหมือนๆกันอีก (นี่คงไม่ได้ศัลยกรรมหมอเดียวกันมาใช่ไหม-แซว), ส่วนฝั่งออร์คก็มีความแตกต่างอยู่บ้าง แต่พอถึงฉากแอ็คชั่นที่โรมรันฆ่าฟันกันในสนามรบ ทุกอย่างก็ดูพร่าเลือนและกลายเป็นเนื้อเดียวกันหมด 

ปัญหาดังกล่าวน่าจะสืบเนื่องมาจากตัวผู้กำกับอย่าง ดันแคน โจนส์ ซึ่งโด่งดังเพราะหนังอินดี้เรื่อง MOON อันว่าด้วยชายคนหนึ่งที่ติดอยู่ในสถานีอวกาศที่โคจรรอบดวงจันทร์จนเกือบเป็นบ้า ส่วนหนังใหญ่อีกเรื่องที่โจนส์ได้ทำก็คือ SOURCE CODE หนังที่ว่าด้วยนายตำรวจที่สามารถเดินทางย้อนเวลากลับไปหยุดยั้งเหตุการณ์ในอดีตได้ผ่านเครื่องแคปซูลข้ามเวลา โดยหนังทั้งสองเรื่องนี้โฟกัสอยู่ที่ตัวละครเพียง “ตัวเดียว” ซึ่งผู้กำกับก็สามารถเล่าเรื่องราวของตัวละครได้อย่างน่าติดตาม แต่เมื่อเขาต้องมาคุมงานสเกลใหญ่มากและมีตัวละครมากมายแบบใน WARCRAFT เขากลับ “เอาไม่อยู่” และเกิดอะไรรักพี่เสียดายน้องอยากจะเล่าตัวละครทุกตัวไปพร้อมๆกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับไม่สามารถทำให้เรารู้จักตัวละครได้ดีกว่าเดิม หรือมองเห็นความสำคัญของตัวละครนั้นๆในการขับเคลื่อนเรื่องราวระหว่างการทำสงครามระหว่างมนุษย์และออร์ค 

ในแง่ของภาพรวมแล้ว WARCRAFTยังเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง (ความสนุกก็เช่นกัน) แต่ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ก็คือ มันมีเรื่องราวในตำนานของตัวเองที่สามารถหยิบมาเล่า หยิบมาขยายความได้ดีกว่านี้ ถ้าหากมันไปอยู่ในมือของผู้กำกับที่ถูกคนมากกว่านี้ มันอาจจะไม่ใช่หนังที่ดัดแปลงมาจากเกมที่ล้มเหลว แต่มันก็ห่างไกลจากคำว่า “เป็นความหวังใหม่” พอสมควร 

@พริตตี้ปลาสลิด 

2 คะแนนจาก 5 คะแนน 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook