วิจารณ์หนัง Jack Reacher-Never Go Back กลับมาทำไม

วิจารณ์หนัง Jack Reacher-Never Go Back กลับมาทำไม

วิจารณ์หนัง Jack Reacher-Never Go Back กลับมาทำไม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เหตุการณ์ใน Jack Reacher - Never Go Back คือการที่ตัวละครแจ็ค รีชเชอร์ (ทอม ครูซ) เดินทางกลับไปสะสางจัดการกับกลุ่มค้ามนุษย์ ทำให้เขาได้รับการติดต่อจาก นายพลซูซาน เทิร์นเนอร์ (โคบี้ สมัลเดอร์ส) ให้ไปพบกับเธอเพื่อทานอาหารและแลกเปลี่ยนความคิดที่นิวยอร์ก แต่กลายเป็นว่าเมื่อแจ็คเดินทางไปถึง กลับพบว่าซูซานถูกทางการจับในข้อหาโจรกรรม ทำให้แจ็คตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับความลับของรัฐบาล

ถ้าใครเคยชมหนังภารแรกของ Jack Reacher เมื่อหลายปีก่อนที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมในชุด Jack Reacher เล่มตอน One Shot ซึ่งสไตล์ของหนังภาคแรกนั้นเป็นแนวสืบสวนคดีฆาตกรรม ไขคดีไปพร้อมๆกับตัวละครเอกของเรื่อง ในขณะที่หนังภาค Never Go Back กลับเป็นการกระจายบทของหนังไปยังตัวละคร 3 ตัวนั่นก็คือ แจ็ค รีชเชอร์, นายพลซูซาน เทิร์นเนอร์ และตัวละครวัยรุ่นอย่างซาแมนธา 

หนังภาคนี้จึงเปลี่ยนโทนจากหนังแนวสืบสวนสอบสวนแบบภาคแรก กลายเป็นหนังแอ็คชั่นสะสางปัญหาครอบครัวที่เต็มไปด้วยบทสนทนายืดยาดน่ารำคาญ และฉากแอ็คชั่นที่แสนธรรมดาซึ่งผู้ชมคงได้ผ่านตาจากบรรดาหนังแอ็คชั่นฟอร์มกลางมาแล้วไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้  Jack Reacher - Never Go Back ไม่ได้มีอะไรน่าจดจำ 

การแสดงของทอม ครูซอาจจะเป็นส่วนที่ดีที่สุดของเรื่อง แต่นั่นก็ยังไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีพอ เพราะการแสดงแบบนี้ก็เป็นภาพจำของทอม ครูซมาแล้วไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง อีกทั้งเรายังไม่สามารถสลัดภาพอีธาน ฮันท์จาก Mission Impossible ได้ซักเท่าไหร่ ทำให้ภาพตัวละครระหว่างแจ็ค รีชเชอร์และอีธาน ฮันท์เกิดการซ้อนทับกันจนเกือบจะแยกไม่ออกเสียแล้วด้วยซ้ำไป 

ด้วยความที่หนังภาคนี้ถูกลดทอนความเป็นหนังระทึกขวัญสืบสวนสอบสวนออกไปและใส่ฉากแอ็คชั่นเข้ามา แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะดึงขาชอบหนังระเบิดภูเขาเผากระท่อมให้สาแก่ใจอยู่ดี แถมแฟนเก่าของแจ็ค รีชเชอร์เองก็คงจะผิดหวังเพราะปมปริศนาต่างๆก็ล้วนแล้วแต่ไม่อยากต่อการคาดเดาเลยสักนิดเดียว เล่าไปถึงช่วงกลางเรื่องก็เดาตอนจบกันถูกแบบไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยเลยด้วยซ้ำ

น่าเสียดายที่หนังภาคแรกของ Jack Reacher ปูทางเอาไว้ได้น่าสนใจ แต่ด้วยระยะเวลาที่ทิ้งห่างจากภาคแรก ประกอบกับหนังภาคนี้ที่ไม่ได้ดิบดีหรือน่าจดจำนำ ประกอบกับรายได้ทั่วโลกในเวลานี้อาจจะพอบอกได้ว่าชื่อหนังอย่าง Never go back นั้นก็พอจะเป็นลางบอกเหตุได้แล้วว่า “ไม่ควรกลับไป” หรือพูดอีกนัยก็คือ ไม่ควรสร้างต่อ แล้วล่ะครับ 

@พริตตี้ปลาสลิด

2 คะแนนจาก 5 คะแนน

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง Jack Reacher-Never Go Back กลับมาทำไม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook