The 100th Love with You 'เวลา' เป็นอะไรมากกว่าที่คิด รัก ซึ้ง ขำ ร้องไห้…

The 100th Love with You 'เวลา' เป็นอะไรมากกว่าที่คิด รัก ซึ้ง ขำ ร้องไห้…

The 100th Love with You 'เวลา' เป็นอะไรมากกว่าที่คิด รัก ซึ้ง ขำ ร้องไห้…
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สรุปก่อนเลย เผื่อใครขี้เกียจอ่านยาว

หนังรักญี่ปุ่นที่พระเอกย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ กลับมาอีกแล้ว และอีกแล้ว ดูจะกลายเป็นพลอตที่เฝือ ๆ ไปแล้วด้วยซ้ำนะ แต่ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือ ความกลมกล่อม ทั้งบทแอบรัก บทสารภาพรัก บทหวาน บทขำ บทสิ้นหวัง บทจากลา และบทเพลงแสนไพเราะ ซึ่งลงตัวกันมาก ดังนั้นคุณจะได้ลุ้นเอาใจช่วย อายเขินหน้าแดง จิ้นจิกเบาะ ยิ้มหัวเราะ ร้องไห้ไปกับมัน และที่สำคัญคือได้ค้นพบคุณค่าเหลือประมาณของการที่ยังมีเวลาได้อยู่กับคนที่เรารักในวันนี้ พระเอกหล่อ นางเอกเสียงดี เพื่อนพระเอกน่ารัก เพื่อนนางเอกสวยมากกกก แค่นี้น่าจะตัดสินใจไปดูกันได้แล้วนะ (ฮา)

Kimi to Hyakkaime no Koi (君と100回目の恋 The 100th Love with You)

หนังญี่ปุ่นเรื่องนี้เพิ่งลงโรงที่ญี่ปุ่นไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี่เองครับ ก็นับว่ามาเข้าไทยรวดเร็วพอสมควร อาจด้วยเพราะตัวหนังเป็นที่จับตามองจากการมาแสดงนำครั้งแรกของ มิวะ นักร้องนักแต่งเพลงสาวมากความสามารถที่มีฐานแฟนคลับในไทยมากพอสมควร ด้านพระเอกก็เป็นการรับบทพระเอกตัวหลักครั้งแรกของ ซาคางุจิ เคนทาโร่ พระเอกที่ดูน่าทะนุถนอมเหลือเกิน ทั้งยังเป็นผลงานการเขียนบทหนังของ โอชิมะ ซาโตมิ หนึ่งในทีมเขียนบทซีรีส์ที่เรียกน้ำตาท่วมจออย่าง บันทึกน้ำตา 1 ลิตร (Ichi Rittoru no Namida) ด้วย เรียกว่ามีวัตถุดิบชั้นยอดมาปรุงเลยล่ะครับ

เรื่องราวเล่าถึง ฮาเซกาว่า ริคุ (เคนทาโร่) ชายหนุ่มผู้ค้นพบการเดินทางย้อนเวลากลับไปช่วงชีวิตไหนของตนก็ได้ผ่านการเล่นแผ่นเสียงวิเศษ เขาพยายามแก้ไขเหตุการณ์หนึ่งในอดีตที่ทำให้เพื่อนสาวที่รู้จักกันตั้งแต่ยังเด็กอย่าง ฮินาตะ อาโออิ (มิวะ) เสียชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นในเทศกาลเซโตะ ที่วง The STROBOSCORP ของพวกเขาไปเล่น ทั้งยังเป็นวันเกิดปีที่ 20 ของอาโออิอีกด้วย เรื่องหลัก ๆ ก็ประมาณนี้ล่ะครับ

ตัวหนังยังได้รับการถ่ายทอดต่อไปทั้งมังงะ และนิยาย รวมถึงนิยายบทแยกด้วยครับ

แม้ตัวเรื่องหลักจะดูคลุมโทนด้วยเรื่องแฟนตาซีอย่างการย้อนเวลา หรือการต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตคนที่แอบรักซึ่งดูดราม่าหนักเหลือเกิน แต่เนื้อในมันและเป็นช่วงเวลาใหญ่ของหนังด้วยกลับชะโลมไปด้วยความหวานและช่วงเวลาอบอุ่นมาก ๆ ครับ ตรงนี้ทำให้อมยิ้มหน้าแดงกันได้เลยกับแต่ละอย่างที่ริคุทำเพื่ออาโออิ น่าจะถูกใจสาว ๆ มาก ๆ เหมือนคนแต่งเรื่องจะเข้าอกเข้าใจสาวเป็นพิเศษ (อ่าวก็ผู้หญิงนี่นะ 55) โดยเฉพาะบุคลิกผู้ชายเข้มขรึมเพอร์เฟกต์ที่ยอมเผยมุมอ่อนหวานให้เฉพาะคนที่เขารักเท่านั้นเห็น นี่เป็นไม้ตายเลย “ผมขอสัญญาว่าจะอยู่กับเธอตลอดไป จะอวยพรวันเกิดให้เธอแบบนี้จนถึงวันเกิดปีที่ 100 เลย”

ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ก็เป็นตัวเสริมทำให้เรื่องมีพลอตรองสนับสนุนพลอตหลักได้อิ่มขึ้น อย่างเรื่องราวมิตรภาพระหว่างเพื่อนสาวอย่าง อาโออิ กับ รินะ (มาโนะ เอรินะ ) ที่ต่างเป็นกำลังใจในเรื่องความรักให้แก่กันเพราะทั้งคู่ต่างก็แอบชอบเพื่อนในวงเหมือนกัน มีคำพูดที่รินะพยายามยุให้สารภาพรักก่อนที่อาโออิจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศและไม่ได้เจอริคุถึง 1 ปีเต็มว่า “เวลาช่วงฤดูร้อนปีสุดท้าย ที่ได้ใช้ร่วมกับแฟนนั้น แตกต่างจากเพื่อนสนิทมากนะ” ก็เป็นตัวที่ขับเคลื่อนหัวใจทั้งตัวอาโออิและรินะด้วย

มิวะ ในแนวสดใสและสเน่ห์ที่เป็นธรรมชาติ กับ เอรินะ ที่สวยจนต้องหยุดมอง ก็เป็นคู่เพื่อนรักที่ทำให้หนังดูน่ารักมากครับ

ในขณะที่เพื่อนร่วมวงคู่หูคู่ฮาอย่างมือเบส นาโอยะ (ริวเซ เรียว) ที่หลงรักอาโออิมาตลอด กับมือกลอง เท็ตซึตะ (อิสึมิซาวะ ยูกิ) ก็เป็นตัวละครสำคัญที่ทำให้เห็นคุณค่าของมิตรภาพ แม้จะมีเรื่องระหองระแหงและผิดใจในเรื่องความรักกันในหมู่เพื่อนบ้าง แต่ทั้งสองคนก็เป็นสีสันที่ทำให้ทุกคนทั้งเพื่อนแก๊ง 5 คนในเรื่องและคนดูเกิดรอยยิ้มได้เสมอ ผมชอบตอนหนึ่งที่เท็ตซึตะพูดขึ้นในตอนที่ต้องเล่นเพลงแต่งใหม่เพลงหนึ่งว่า “เพราะเรามีเวลาไม่มากพอที่จะซ้อมมัน ดังนั้นเราต้องทุ่มซ้อมมัน (ในเวลาที่มี) จนกว่าจะหมดลมหายใจ” แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวหลักระหว่างริคุกับอาโออิ แต่เชื่อว่านี่เป็นหนึ่งในหัวใจของเรื่องนี้เลยทีเดียวครับ

วง The STROBOSCORP (ยูกิ, เรียว, มิวะ และเคนทาโร่)

ผมเขียนเน้นให้เห็นว่าหนังค่อนข้างพูดเรื่องของเวลาค่อนข้างเยอะ เพราะมันคือหัวใจที่หนังเอามาใช้เพื่อเล่าถึงการมีชีวิตและการมีความรัก และนี่คือส่วนที่เด่นอย่างสำคัญที่ทำให้มันต่างจากหนังที่เล่าเรื่องย้อนเวลาเรื่องอื่น ๆ คือมันเล่าได้เข้าถึงหัวใจของเรามากกว่าครับ หนึ่งในนั้นคือกิมมิคสำคัญที่ถูกย้อนย้ำอยู่เสมอก็คือ บทเรียนในคาบวรรณกรรมที่อาโออิเรียนตอนเปิดเรื่อง อาจารย์ได้สอนเรื่อง โมโม่ วรรณกรรมคลาสสิคของนักเขียนเยอรมัน มิฆาเอ็ล เอ็นเด้ ที่ว่าด้วยความสำคัญของเวลา เพราะเวลาคือชีวิต และชีวิตสถิตอยู่ในหัวใจ อย่ามัวเผลอไผลในการใช้ชีวิต จงระวังแมวขโมยเวลามาเอามันไป

เล่มนี้มีฉบับแปลไทยนะครับ น่าอ่านมากครับ

จริงแล้วพลอตย้อนเวลาแทบไม่ได้จำเป็นกับหัวใจของหนังนักหรอกครับ แต่เป็นตัวเสริมให้เราเข้าใจมันได้อย่างเป็นรูปธรรมว่า การได้อยู่กับคนรักในเวลานี้ มีค่าน่าหวงแหนน่าทำดีต่อกันมากแค่ไหน ดังนั้นอยากเชิญชวนให้พาคนที่คุณรัก จะเป็นคนรัก เพื่อน ครอบครัว หรือใครก็ตามให้ไปดูกันครับ

องค์ประกอบลงตัวมาก โรแมนติดสุด ๆ เอ้าเพลงมา

นอกจากจุดเด่นเรื่องบทที่ถึง และกลุ่มนักแสดงที่เหมาะเจาะ สถานที่ฉากหลังของเรื่องอย่างเมืองชายทะเลที่ อุชิมาโดะ เมืองโอคายามะ ก็เป็นฉากที่แปลกตา สร้างความแตกต่างจากหนังเรื่องอื่น ๆ ด้วย และอีกหนึ่งในตัวเอกของหนังวัยรุ่นเรื่องนี้คือบทเพลงครับ เพลงแสนหวานอย่าง Aiokuri (アイオクリ) ที่ร้องโดยมิวะ และเล่นโดยวงจากนักแสดงในเรื่อง The STROBOSCORP นี่เพราะมากครับ ทั้งความหมายก็ดีด้วย เสียดายแค่ในท่อนของเคนทาโร่นั้นเสียงเขาไม่ค่อยเข้ากับมิวะเท่าไหร่ครับ (ฮา)

หรือจะเป็นเพลงเปิดเรื่องที่สนุก ๆ แสนสดใสอย่างเพลง Tanjun na Kanjo (単純な感情 Simple feelings)

และเพลงปิดท้ายชื่อเดียวกับหนังที่ใครดูคงต้องประทับใจอย่าง Kimi to Hyakkaime no Koi (君と100回目の恋 The 100th Love with You) อยากฟังเพราะ ๆ ดนตรีเต็ม ๆ และอ่านความหมายดี ๆ ต้องในโรงหนัง 18 พฤษภาคมนี้เลยครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook