10 เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับหนัง Wonder Woman

10 เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับหนัง Wonder Woman

10 เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับหนัง Wonder Woman
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันเดอร์วูแมนกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่หญิงหลังจากเริ่มต้นจักรวาล DC ครั้งใหม่ ที่มีหนังเดี่ยวเป็นของตัวเองซักที หลังจากที่เธอได้ปรากฏตัวอยู่ใน Batman VS Superman : Dawn of Justice แต่ครั้งนี้เราจะได้รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหนและภารกิจแรกในโลกมนุษย์นั้นคืออะไร

 

1.Wonder Woman ทำลายสถิติกลายเป็นหนังที่กำกับโดยผู้กำกับหญิงที่สามารถทำเงินสูงสุด
Wonder Woman สามารถทำรายได้เปิดตัวในอเมริกาสุดสัปดาห์แรกด้วยการทำเงินสูงถึง 100 ล้านเหรียญฯ สามารถทำสถิติให้กับหนังที่กำกับโดยผู้กำกับเพศหญิง (แพตตี้ เจนกินส์) ที่ทำเงินสูงสุด โค่นแชมป์เก่าอย่าง Fifty Shades of Grey ผลงานการกำกับของแซม เทย์เลอร์ จอห์นสัน ที่เคยเปิดตัวไว้ที่ 85 ล้านเหรียญฯ ลง ณ เวลานี้ Wonder Woman สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปแล้วถึง 223 ล้านเหรียญฯ (สถิตินี้ยังไม่หยุดเพราะหนังยังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์)

 

2. Wonder Woman เคยเป็นทีวีซีรีส์มาก่อน
ก่อนที่กัลด์ กาโดห์จะมารับบทเป็นวันเดอร์วูแมน ในปี 1975 เรื่องราวของฮีโร่สาวเคยได้รับการดัดแปลงเป็นทีวีซีรีส์ความยาวทั้งสิ้น 3 ซีซั่น นำแสดงโดยลินดา คาร์เตอร์ โดยก่อนหน้านี้ลินดายังได้รับเชิญให้มาร่วมแสดงในหนังเวอร์ชั่นล่าสุดในฐานะบทรับเชิญแต่ด้วยตารางเวลาที่ไม่ลงตัวกับคิวการถ่ายทำ ทำให้เธอไม่ได้มาร่วมจอครั้งนี้อย่างน่าเสียดาย

 

3.ฮีโร่หญิงจากชนเผ่าอเมซอน
เชื่อว่าหลายคนยังเข้าใจผิดว่า วันเดอร์วูแมนเป็นหญิงสาว “แถบลุ่มน้ำอเมซอน” ในแอฟฟริกา แต่เปล่าเลยจริงๆแล้วก่อนจะมาเป็นวันเดอร์วูแมน เธอคือไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งอเมซอนผู้เติบโตมาบนเกาะสวรรค์อันห่างไกลที่ชื่อเธอมิสไคร่าและได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักรบผู้ไร้เทียมทาน แต่เมื่อนักบินชาวอเมริกันประสบเหตุเครื่องบินตกที่ชายฝั่งเกาะแห่งนี้ และเล่าถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่ปะทุขึ้นในโลกภายนอก (หรือสงครามโลกครั้งที่ 1) ทำให้ไดอาน่าเชื่อว่าเธอจะสามารถหยุดยั้งสงครามครั้งนี้ได้

 

4.วันเดอร์วูแมนกับภาพลักษณ์ครั้งใหม่
ถึงแม้ว่าวันเดอร์วูแมน จะเป็นลูกสาวของราชินี ฮิพโพลิต้าแห่งเกาะเธอมิสไคร่าและเธอจะเกิดจากดินหน้าบันไดวิหารเทพีอาเธน่าที่ถูกนำมาปั้นแล้วเสกให้มีชีวิต (โดยในเวอร์ชั่นหนังกล่าวว่าเธอถูกปั้นมาจากก้อนดิน) ดังนั้นเธอจึงมีสภาวะเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพ แต่แทนที่จะเล่าเรื่องราวแบบเทพๆ ผู้กำกับแพตตี้ เจนกินส์เลือกจะนำเสนอมุมมองของผู้หญิงคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในความดีและเชื่อว่าโลกนี้ต้องการความสุขและใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยมากกว่าจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวเหลือเชื่ออย่างเดียว

 

5.อาวุธของวันเดอร์วูแมน
วันเดอร์วูแมน มีกำไลที่สร้างมาจากพลังของซุส (ในเวอร์ชั่นหนังคือปลอกแขน) เมื่อเธอฟาดกำไลเข้าหากันจะสามารถเรียกสายฟ้าได้) บ่วงแห่งสัจจะ ที่ใช้เป็นได้ทั้งอาวุธและเอาไว้เค้นความจริงจากคนที่โดนบ่วงนี้รัด ดาบและโล่ที่สามารถกันกระสุนปืนได้ อีกทั้งวันเดอร์วูแมนยังสามารถด้านพละกำลัง ความเร็ว การเยียวยารักษา รวมไปถึงเหาะเหินเดินอากาศได้รวมไปถึงสติปัญญาที่ฉลาดเฉลียว

 

6.ช่วงเวลาที่แตกต่าง
วิลเลียม โมลตัน มาร์สตัน ผู้ให้กำเนิดตัวละครนี้ได้นำเสนอตัวละครวันเดอร์วูแมนแก่ผู้อ่านเป็นครั้งแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยวันเดอร์วูแมนปรากฏตัวครั้งแรกใน All Star Comics เล่ม 8 ในเดือนธันวาคมปี 1941 แต่หนังเวอร์ชั่นปี 2017 เล่าเหตุการณ์ช่วงปี 1918 ในตอนท้ายของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ชาร์ลส์ โรเวน หนึ่งในทีมผู้สร้างอธิบายแนวความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนยุคสมัยในเรื่อง โดยกล่าวว่า “การนำเสนอตัวละครหญิงซึ่งมีอำนาจและเติบโตมาในเผ่าพันธุ์ผู้หญิงที่เข้มแข็ง โดยให้ฉากหลังเป็นยุคแรกของขบวนการเรียกร้องสิทธิ์เลือกตั้งของสตรี ก็ถือเป็นแนวทางที่น่าสนใจ”

 

7.ทำไมหนังต้องเป็นช่วงเวลา “สงครามโลกครั้งที่ 1”
รายละเอียดของยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ช่วยถ่ายทอดความน่าสะพรึงกลัวของสงครามสมัยใหม่ได้ดีกว่า เป็นสงครามครั้งแรกที่มีการต่อสู้ตั้งแต่แบบประชิดตัวในระยะใกล้ ซึ่งถ้าคุณยิงใครสักคน คุณก็ต้องอยู่ในระยะค่อนข้างใกล้และเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ ไปจนถึงการต่อสู้จากระยะไกล ซึ่งคุณอาจทิ้งระเบิดพื้นที่บางแห่งได้โดยไม่ต้องรู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูของคุณมีหน้าตาเป็นอย่างไรหรือคุณอาจฆ่าใครไปบ้าง การฆ่ากลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น เราต้องการให้กลไกของสงครามแบบใหม่นี้เป็นสิ่งที่ตัวละครของเราอย่างวันเดอร์วูแมนไม่เคยสัมผัสมาก่อน เพราะเธอคุ้นเคยกับการที่นักรบเป็นบุคคลที่ได้รับการเคารพยกย่อง แต่ตอนนี้เธอกลับได้เห็นสงครามซึ่งไม่มีฮีโร่อีกต่อไป เพราะคุณเป็นฮีโร่ไม่ได้ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองสู้อยู่กับใคร

 

8.วันเดอร์วูแมน ฮีโร่ที่ไม่อยากเป็นฮีโร่
บรูซ เวย์นหรือซูเปอร์แมนอาจจะมีภาพลักษณ์ของการเป็นฮีโร่ที่มาจากความยากลำบากในช่วงวัยเยาว์จนผลักดันให้พวกเขาต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างกับเมืองของตัวเอง แต่ขณะที่วันเดอร์วูแมนไม่ได้มีอดีตที่เจ็บปวด เธอไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้น เธอเติบโตมาอย่างดี เธอมีชีวิตวัยเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยความรักความเข้าใจและทำให้เธอมองเห็นคุณค่าของชีวิต และการที่เธอเดินทางออกมาจากเธอมิสไคร่าก็เพียงเพราะเธออยากทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นหน้าที่ที่เธอเชื่อว่าพระเจ้า (ซุส) ได้มอบหมายไว้ให้เธอต้องทำ

 

9.การสู้รบของผู้หญิงในโลกของผู้ชาย
ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะมีตัวเอกเป็นผู้หญิงก็ตาม แต่ตัวละครหญิงในหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีตัวละครฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายที่รอคอยความช่วยเหลืออยู่ฝ่ายเดียว ทั้งวันเดอร์วูแมนและสตีฟ เทรเวอร์ต่างจำเป็นต้องมีกันและกัน ต่างเรียนรู้จากกันและกัน ทั้งสองเท่าเทียมกัน อันที่จริงทั้งสองตัวละครนี้ พวกเขาปิ๊งกันทันทีที่ได้พบ และเรื่องราวความรักของทั้งสองก็คลี่คลายออกมาอย่างมีมนต์ขลังเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะว่าไปแล้วในหนังเวอร์ชั่นนี้จริงๆก็มีกลิ่นอายของหนังโรแมนติกคอมมาดี้แนวพ่อแง่แม่งอนอยู่พอสมควร อีกทั้งตัวหนังนำเสนอภาพแอ็คชั่นของผู้หญิงที่ทรงพลังในโลกแห่งความรุนแรงที่ขับเคลื่อนโดยผู้ชาย และตัวละครวันเดอร์วูแมนแสดงให้คนดูเห็นว่ายังมีพื้นที่สำหรับอุดมคติและความปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องให้แก่ผู้อื่น เป็นเรื่องราวที่ตรงใจและเหมาะกับยุคปัจจุบันมากๆ

 

10.เรามีวันวันเดอร์ วูแมนด้วยนะ
วันเดอร์ วูแมนมีวันเป็นของตัวเองด้วยแหละ หลังจากที่ดีซี คอมมิกส์ประกาศให้มีวัน วันเดอร์ วูแมนขึ้นมาอย่างเป็นทางการ นั่นคือสุดสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน โดยในปี 2017 นั้นตรงกับวันที่ 3 มิถุนายน 2017 โดยบรรดาร้านหนังสือ ห้องสมุดและร้านขายการ์ตูนกว่า 2,000 ร้านในอเมริกาจะจัดงานวันดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่

 

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ 10 เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับหนัง Wonder Woman

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook