ดูแล้วบอกต่อ ATOMIC BLOND – สงครามเย็นและสายลับ

ดูแล้วบอกต่อ ATOMIC BLOND – สงครามเย็นและสายลับ

ดูแล้วบอกต่อ ATOMIC BLOND – สงครามเย็นและสายลับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

          จากนิยายภาพ  The Coldest City สู่การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น ที่มีฉากหลังเป็นช่วงเวลายุคสงครามเย็น บอกเล่าเรื่องการเอาตัวรอดของสายลับหญิงอย่าง ลอร์เรน โบรห์ตัน (ชารีส เธอรอน) หลังจากที่เธอถูกส่งตัวไปทำภารกิจในการช่วงชิง “สมุดรายชื่อ” บุคคลสำคัญ ซึ่งถ้าหากมหาอำนาจอีกฝ่ายได้ไปครอบครอบ อาจจะเกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจก็เป็นได้

            จริงอยู่ว่า ATOMIC BLOND อาจจะมีหน้าหนังเป็นเรื่องรางราวของสายลับหญิง แต่ลึกลงไปกว่านั้นแล้ว โทนหนังที่แท้จริงคือสไตล์ของหนังฟิล์มนัวร์ ที่ว่าด้วยเรื่องราวการโป้ปดหลอกกันไปมาระหว่างสองฝ่าย (และคนดูเป็นส่วนหนึ่งที่โดนหลอกด้วยเช่นกัน) ประกอบกับการที่หนังเปิดเรื่องมาที่ลอร์เรนกำลังอยู่ในห้องสืบสวนของ MI6 ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร ผ่านเรื่องเล่าของเธอ ดังนั้นผู้ชมจึงไม่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ที่แท้จริงได้เลยว่า จริงๆแล้ว “ความเป็นจริง” นั้นเป็นอย่างไร เพราะทุกอย่างถูกเล่าผ่าน “ความคิดของตัวละครลอร์เรน” ทั้งสิ้น

 

 

            เราได้เห็นทันทีว่าใน “เบอร์ลิน” ไม่ใช่ใครเป็นมิตรแท้ สำหรับลอร์เรนเลยทั้งสิ้น เพราะก้าวแรกที่เธอลงเครื่องบินมา เธอถูกปองร้ายในทันที แม้ว่าเดวิด เพอร์ซิวัล (เจมส์ แม็กอะวอย) อาจจะเป็นบุคคลร่วมองค์กร MI6 ที่แฝงตัวมาอยู่ที่เบอร์ลินเป็นเวลานานก็ตาม แต่บางครั้งกาลเวลากับสภาพแวดล้อมก็อาจจะเปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรูก็เป็นได้ ลอร์เรนจึงไม่ได้ไว้ใจเพอร์ซิวัล คนดูก็เช่นเดียวกัน

            หนังแวะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเดวิด เพอร์ซิวัล ยิ่งทำให้เราเห็นว่าเขาไม่ใช่คนดีนัก เขาต้องมีส่วนร่วมกับการทำธุรกิจใต้ดินผิดกฎหมาย เขามีสถานบริการยมค่ำคืนที่พร้อมจะให้บริการเขาด้วยความยำเกรง ดังนั้นการปรากฏตัวขึ้นมาของลอร์เรนอาจจะหมายความว่าเขากำลัง “โดนคุกคาม” จากอำนาจใหม่

            การที่หนังกำลังพูดถึงช่วงเวลา 5 วันก่อนกำแพงเบอร์ลินจะล่มสลาย ทำให้เราว่ายามที่บ้านเมืองกำลังประสบสภาวะวิกฤตและกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนั้น อาจจะนำมาสู่เหตุการณ์ย่อยที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายเกินคาดคิด แต่ท้ายที่สุดแล้วคนก็จะจดจำแต่ผลลัพธ์ของประวัติศาสตร์นั้นๆ

            เช่นเดียวกันกับบทสรุปของ ATOMIC BLOND ที่ตัวละครที่เป็น “ตัวแทน” ของสหรัฐอเมริกาอย่างลอร์เรน สามารถพิชิตภารกิจในการช่วงชิงสมุดรายชื่อบุคคลสำคัญกลับมาได้ และความพ่ายแพ้ของเบอร์ลินตะวันออก (ฝั่งสหภาพโซเวียต) ได้พยายามชี้ให้เราเห็นว่า ทุกประเทศที่ถือไพ่เหนือกว่าต้องพยายามในทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะด้วยวิธีการที่ใสสะอาดหรือสกปรกก็ตาม เพราะทุกชีวิตและทุกมหาอำนาจต่างรู้ดีกว่า การเป็น “ผู้ชนะ” ก็ดีกว่าการตกเป็นผู้แพ้อยู่ดี

 

           

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook