รายงานล่าสุด Justice League ถ่ายซ่อม ปรับโทน และเปลี่ยนฉากจบ

รายงานล่าสุด Justice League ถ่ายซ่อม ปรับโทน และเปลี่ยนฉากจบ

รายงานล่าสุด Justice League ถ่ายซ่อม ปรับโทน และเปลี่ยนฉากจบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

หลังจากมีข้อมูลว่า Justice League ภาพยนตร์รวมพลฮีโร่ DC เรื่องล่าสุดได้เริ่มดำเนินการถ่ายซ่อม ล่าสุดมีข่าวลือว่าผู้กำกับ จอสส์ วีดอน (The Avengers, Avengers: Age of Ultron) ได้ทำการปรับโทนภาพยนตร์ให้ซอฟต์ลง และยังเปลี่ยนฉากจบของภาพยนตร์ด้วย

จอสส์ วีดอน ได้เข้ามารับหน้าที่กำกับ Justice League แทน แซ็ก สไนเดอร์ (Man of Steel, Batman V Superman: Dawn of Justice) ที่ต้องกลับไปดูแลครอบครัวเป็นการด่วนหลังเกิดเหตุโศกนาฐกรรมขึ้นอย่างไม่คาดฝัน โดย จอสส์ วีดอน ได้เข้ามาปรับบทภาพยนตร์ใหม่ เพื่อให้โทนภาพยนตร์ไม่มืดหม่นเหมือนกับ Batman V Superman: Dawn Of Justice และมีสีสันมากขึ้นเช่นเดียวกับ Wonder Woman ที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก

ล่าสุด daily.slashfilm.com ได้รายงานว่า จอสส์ วีดอน ได้ทำการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ โดยการเปลี่ยนตอนจบของ Justice League ใหม่

ตอนจบดั้งเดิม

การปูทางไปยังส่วนที่ 2 ของเรื่องราวทั้งหมด โดยกล่าวถึง Darkseid ตัวร้ายที่มีทรงพลังที่สุดในจักรวาล DCEU (เปรียบได้กับ Thanos ในจักรวาล Marvel) ที่กำลังเดินทางใกล้จะถึงโลก

ตอนจบใหม่

จะไม่ทำให้คนดูต้องอารมณ์ค้าง และไม่เน้นในส่วนของตัวละคร Darkseid ซึ่งจะทำให้ Steppenwolf เป็นตัวร้ายหนึ่งเดียวใน Justice League อีกทั้งยังมีการถ่ายฉากที่ย้อนไปหาตัวละคร Antiope (รับบทโดย โรบิน ไรท์) ของ Wonder Woman) เพิ่มเติมด้วย

เหตุผล

เดิมที Justice League ได้ถูกวางเนื้อเรื่องให้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเริ่มถ่ายทำ แต่ถ้าพิจารณาในแง่ของการเดินเรื่องแล้วนั้น การเชื่อมโยงตัวละครเข้ากับภาพยนตร์ Wonder Woman  และเน้นการแนะนำเหล่าซูเปอร์ฮีโร่กับจักรวาลอื่นๆของ DCEU ให้คนดูรู้จักในเบื้องต้นก่อนนั้น ก็ดูสมเหตุสมผลมากที่เดียว และทำให้เข้าใจได้ว่าการเปิดตัว Darkseid ซึ่งเป็นตัวร้ายที่ทรงพลังที่สุดในจักราล DCEU ตั้งแต่ในส่วนแรกนั้นก็น่าจะเร็วไปสักหน่อย

เกร็ดภาพยนตร์

จะว่าไปแล้ว ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ของ Warner Bros. และ DC ก็เคยประสบปัญหาการเปลี่ยนเนื้อเรื่องในลักษณะนี้มาก่อน โดย ริชาร์ด ดอนเนอร์ (Superman, Lethal Weapon 1-4) ได้ถ่ายทำ Superman (1978) เอาไว้ยาวมาก (ยาวไปจนถึงเนื้อเรื่องในภาค 3 เลย) แต่ท้ายที่สุดต้องตัดออกเพื่อฉายเป็นภาคแรกก่อน จากนั้นจึงมีการถ่ายทำเพิ่มเติมเพื่อสร้างเป็น Superman II (1980)

แต่ต่อมา ริชาร์ด ดอนเนอร์ และโปรดิวเซอร์กลับมีความเห็นไม่ตรงกัน จนทำให้ ริชาร์ด ดอนเนอร์ ถูกปลดออกจากการถ่ายทำ และนำ ริชาร์ด เลสเตอร์ ผู้ช่วยผู้กำกับ มาทำหน้าที่กำกับแทน ทั้งที่ถ่ายทำไปแล้วเกือบ 80% และต้องการถ่ายซ่อมอีกเกือบ 50% ของเนื้อเรื่องทั้งหมด

Justice League จะฉายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2017 นี้

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook