5 หนัง “ออกไปวิ่ง” เพื่อตัวเองและคนอื่น

5 หนัง “ออกไปวิ่ง” เพื่อตัวเองและคนอื่น

5 หนัง “ออกไปวิ่ง” เพื่อตัวเองและคนอื่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ณ เวลานี้ข่าวดังที่คนทั่วประเทศยังคงจับตามองก็คือ การวิ่งของ ตูน บอดี้สแลม กับโครงการ "ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ" ในการระดมทุนรับบริจาคซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลที่ยังขาดแคลนโดยระยะทางในการวิ่งนั้นคือจากสุดเขตแดนใต้ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ถึงเหนือสุดแดนสยาม อำเภอ แม่สาย จังหวัดเชียงราย รวมระยะทาง 2191 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ให้กับ “ส่วนรวม” ไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามการวิ่งนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งและช่วยส่งเสริมให้ผู้วิ่งมีความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย การวิ่งนั้นยังปรากฏอยู่ในภาพยนตร์หลายเรื่อง และนี่คือภาพยนตร์เหล่านั้น

 

 

รัก 7 ปี ดี 7 หน ตอน 42.195

เราคงไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่ากระแสของการวิ่งมาราธอนนั้นกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างก็เพราะเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ และหนังเรื่องนี้นี่เองที่ส่งอิทธิพลให้ตูน บอดี้สแลม (อาทิวราห์ คงมาลัย) ผันตัวมาเป็นนักวิ่งถึงทุกวันนี้เพราะหลังจากที่เขามีอาการบาดเจ็บจากการที่กระดูกคอเคลื่อนทำให้เขาไม่สามารถเล่นฟุตบอลและตีปิงปองเช่นเคยได้ดังเดิม อย่างไรก็ตามความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการได้สู่ขวัญ บูลกุล มาประกบคู่กับนักร้องหนุ่มวง KPOP นิชคุณ หรเวชกุล ซึ่งหนังยังมอบคำคมให้กับผู้ชมที่ว่า ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่ คุณค่อยมาวิ่งมาราธอน

 

 

Chariots of Fire

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งที่เราไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ เพราะหนังได้รับรางวัลออสการ์ถึง 4 รางวัล รวมไปถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 1982 บอกเล่าเรื่องราวของ นักวิ่งสองคนอย่างอีริค ชาวสก็อต ที่ศรัทธาในพระเจ้าว่าพรสวรรค์ในชีวิตของตนนั้นเกิดจากการประทานให้ของพระเจ้า ส่วนแฮโรลด์ ชาวอังกฤษเชื่อสายยิว เชื่อว่าจุดหมายเดียวของการวิ่งคือ ชัยชนะ และเขาต้องการลบคำสบประมาทจากทุกคน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ต้องมาแข่งขันการในการแข่งวิ่ง หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่นอกจากจะสร้างแรงบันดาลใจแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงน้ำใจนักกีฬาด้วย

 

 

Forrest Gump

หนึ่งในหนังออสการ์ที่ผู้ชมหลงรักตลอดกาล ว่าด้วยเรื่องราวของฟอร์เรสต์ กัมป์ (ทอม แฮงค์) เด็กชายขาพิการมีไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์คนปกติทั่วไป วันหนึ่งเขาถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนๆ จากเด็กที่วิ่งไม่ได้ วันหนึ่งเขาก็วิ่งได้อย่างปาฏิหาริย์ เมื่อเติบโตขึ้นกัมป์กลายเป็นคนที่วิ่งไวที่สุดในตำบล และได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์อเมริกันอย่างเหลือเชื่อ

เมื่อเราเชื่อมั่นในตัวเองแล้วบางครั้งเราก็อาจจะพบกับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงก็ว่าได้ และนี่คือช่วงหนึ่งของหนังที่ทำให้เราเห็นว่า “การวิ่งสามารถเปลี่ยนชีวิตได้เช่นกัน”

Forrest Gump เรื่องราวแฟนตาซีที่อ้างอิงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อเมริกาในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังสามารถคว้ารางวัลออสการ์มาในสาขาหลักอาทิ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (ทอม แฮงค์) ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (โรเบิร์ต เซมิคิส) บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ตัดต่อยอดเยี่ยม สเปเชียลเอฟเฟคยอดเยี่ยม ซึ่งรางวัลในสาขาสุดท้ายนั้นได้มาเพราะหนังใช้เทคนิคการซ้อนทับภาพนักแสดงกับภาพเหตุการณ์จริงทางประวัติศาสตร์อย่างสมจริง

อีกทั้งหนังยังมอบประโยคคำคมอมตะมากมายอาทิ

“ชีวิตเปรียบเสมือนกล่องช็อกโกแลต คุณไม่มีทางรู้ว่าคุณจะเจอกับช็อกโกแลตรสอะไร”

“แม่เคยบอกว่าคุณต้องปล่อยวางอดีตไว้ข้างหลังก่อน คุณถึงจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้”

“ถึงผมจะโง่ แต่ผมก็รู้ว่ารักคืออะไร”

 

 

Running Boy

หนังสัญชาติเกาหลีในชื่อ Marathon หรือ Running Boy ส่วนในบ้านเรานั้นชื่อไทยว่า ปาฏิหาริย์รักจากแม่ (คนหนังไปคนละแนวเลยจริงๆ) เล่าเรื่องราวของโชวอน (โช ซัง วู) เด็กชายที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกให้เขาอยู่ภายใต้การดูแลของแม่อย่างใกล้ชิด เวลาผ่านไปจนกระทั่งเขาอายุ 20 ปีแต่สติปัญญาของเขาก็ยังเท่ากับเด็กอายุ 5 ขวบเท่านั้น ด้วยความรักของแม่ที่เฝ้าดูลูกอย่างใกล้ชิด เธอพบว่าโชวอนรักการวิ่ง เธอจึงทุ่มเทให้ลูกชายฝึกฝนการสิ่งมาราธอน และประสบความสำเร็จในที่สุด

ตัวหนังดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของเบเฮียงจิน และ ปาร์ค มีเจียงผู้เป็นแม่ หนังประสบความสำเร็จอย่างมากในเกาหลี อีกทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคออทิสติกมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นหนังยังมีฉากที่คนดูต้องหลั่งน้ำตาในความรักของคนเป็นแม่ที่หวังดีต่อลูกและใช้การวิ่งมาราธอนเป็นจุดเปลี่ยนผันชีวิต

 

 

Unbroken

เรื่องราวจากชีวิตจริงของหลุยส์ (ลูอี) แซมเปอรินี่ ลูกชายของผู้อพยพชาวอิตาลี เด็กนอกคอกที่ฝันอยากเป็นนักวิ่งโอลิมปิกในปี 1936 แม้เขาจะไม่ได้คว้าชัยชนะในการวิ่งครั้งนั้นมาแต่โอลิมปิกครั้งต่อไปเขาก็หวังจะคว้าเหรียญทองกลับมาให้ได้ แต่แล้วสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำให้ชีวิตเขาต้องผกผันไปเป็นทหารทิ้งระเบิดประจำเครื่องบินรบของสหรัฐ แต่เครื่องบินของเขาตกลงกลางมหาสมุทรแปซิฟิกและต้องลอยคออยู่กลางน้ำถึง 47 วัน ความซวยยังไม่จบแค่นั้นเมื่อเขาโดนทหารญี่ปุ่นจับไปเป็นเชลยศึกในค่ายทหารกว่า 2 ปี

หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของนักแสดงสาวคนเก่งอย่าง แองเจลิน่า โจลี่ ถึงเป้าหมายสำคัญของหนังคือการถ่ายทอดความโหดร้ายของสงคราม แต่เหนืออื่นใดคือหนังแสดงให้เราเห็นถึงความหวังของตัวละคร ไม่ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้ายแค่ไหนในชีวิตก็ตาม เมื่อเป้าหมายสูงสุดคือการ “วิ่งเพื่อคว้าเหรียญทอง” กลับมาให้ได้ (ในประวัติศาสตร์จริง หลุยส์ (ลูอี) แซมเปอรินี่ได้กลับมาวิ่งในโอลิมปิคอีกครั้งเมื่ออายุ 80 ปี)

 

 

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ 5 หนัง “ออกไปวิ่ง” เพื่อตัวเองและคนอื่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook